พระสันตะปาปา: จากอดีตสู่ปัจจุบัน และใครจะเป็นผู้นำคริสตจักรคนต่อไป?

ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สถาบันเก่าแก่หลายแห่งยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางความเชื่อและศีลธรรมของผู้คนนับล้าน หนึ่งในนั้นคือตำแหน่ง พระสันตะปาปา ผู้นำแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกของเรา บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของพระสันตะปาปา ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา บทบาทหน้าที่ ขั้นตอนการเลือก ไปจนถึงการเปิดโผรายชื่อผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้นำคริสตจักรคนใหม่

ประวัติพระสันตะปาปา: ร่องรอยแห่งศรัทธาและอำนาจ

คำว่า สันตะปาปา ในภาษาละตินคือ papa ซึ่งมาจากภาษากรีก πάππας (pappas) หมายถึง “บาทหลวง” โดยทั่วไปแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปา หมายถึง มุขนายกแห่งกรุงโรม (Bishop of the Church of Rome) และเป็นผู้นำพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก พระศาสนจักรเชื่อว่าสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจาก นักบุญซีโมนเปโตร อัครทูตของพระเยซู

ตำแหน่งพระสันตะปาปามีความเก่าแก่ที่สุดตำแหน่งหนึ่งของโลก และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ในสมัยโบราณ พระสันตะปาปามีหน้าที่หลักในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์และตัดสินข้อขัดแย้งด้านความเชื่อภายในพระศาสนจักร ในสมัยกลาง พระสันตะปาปาทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในทางโลกในทวีปยุโรปตะวันตก เช่น เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างประมุขของรัฐ รวมถึงสงครามต่างๆ ปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากการทำหน้าที่ด้านเผยแผ่ศาสนาคริสต์แล้ว พระสันตะปาปายังทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านคริสต์ศาสนสัมพันธ์และศาสนสัมพันธ์ งานการกุศล และการปกป้องสิทธิมนุษยชนด้วย

ตำแหน่งของพระสันตะปาปาในภาษาอังกฤษเรียกว่า “ปาปาซี” (Papacy) และสำนักงานเลขานุการในพระองค์เรียกว่า “สันตะสำนัก” ตั้งอยู่ที่ นครรัฐวาติกัน ใจกลางกรุงโรม ซึ่งถือตามความเชื่อสืบมาว่า นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครทูตได้พลีชีพเป็นมรณสักขีในศาสนาคริสต์ที่นี่ สมเด็จพระสันตะปาปายังทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งนครรัฐวาติกันด้วย ซึ่งเป็นรัฐอธิปไตยที่ตั้งอยู่ภายในกรุงโรม

ดังที่กล่าวไปข้างต้น หน้าที่ของพระสันตะปาปามีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยสรุปแล้ว หน้าที่สำคัญของพระสันตะปาปา ได้แก่:

  • ผู้นำทางจิตวิญญาณ: เป็นผู้นำสูงสุดของคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก ทำหน้าที่ในการสั่งสอน ตีความหลักธรรม และนำทางผู้ศรัทธา
  • มุขนายกแห่งกรุงโรม: ดูแลและบริหารจัดการมุขมณฑลโรม
  • ผู้สืบทอดนักบุญเปโตร: เป็นสัญลักษณ์แห่งความต่อเนื่องของคริสตจักรตั้งแต่สมัยอัครทูต
  • ประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน: ทำหน้าที่เป็นประมุขของรัฐอธิปไตยที่เล็กที่สุดในโลก มีอำนาจในการบริหารจัดการและดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • ผู้ประสานงานด้านศาสนสัมพันธ์: ส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ และระหว่างศาสนากับศาสนาอื่นๆ
  • ผู้ทำงานด้านการกุศลและมนุษยธรรม: สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้และปกป้องสิทธิมนุษยชน

ขั้นตอนการเลือกพระสันตะปาปา: ความลับและการตัดสินใจภายใต้การอธิษฐาน

เมื่อตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลง กระบวนการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเริ่มต้นขึ้น โดยดำเนินการโดย เหล่าพระคาร์ดินัล ที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 138 รูป จากทั้งหมด 252 รูป (รวมถึงพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ของไทยด้วย) กระบวนการนี้มักใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน และเป็นความลับอย่างยิ่ง หากพระคาร์ดินัลเปิดเผยข้อมูล อาจถูกขับออกจากนิกายได้ มีการตรวจสอบอุปกรณ์ดักฟังในโบสถ์น้อยซิสทีนก่อนและหลังการประชุม คอนเคลฟ (Conclave)

ในระหว่างการประชุมคอนเคลฟ พระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะเขียนชื่อผู้ที่ตนเลือกบนกระดาษที่จารึกด้วยคำภาษาละตินว่า “ข้าพเจ้าขอเลือกพระสันตะปาปาสูงสุด” จากนั้นจะเดินเข้าไปหาแท่นบูชาทีละองค์และกล่าวคำปฏิญาณ บัตรลงคะแนนที่พับแล้วจะถูกวางบนจานกลมและใส่ลงในโถ ผู้ตรวจบัตรลงคะแนน 3 คนจะเปิดบัตรทีละใบ จดชื่อ และอ่านออกเสียง

เพื่อให้ได้รับการเลือกเป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย สองในสาม ของจำนวนพระคาร์ดินัลทั้งหมด ในวันแรกจะมีการลงคะแนนเสียงเพียงครั้งเดียว และหลังจากนั้นสามารถลงคะแนนได้สูงสุด 4 รอบในแต่ละวัน หากไม่มีผู้ใดได้รับเสียงข้างมากในรอบแรก การลงคะแนนเสียงจะดำเนินต่อไปในรอบถัดๆ ไป หากไม่มีการเลือกผู้ใดหลังจาก 3 วัน การลงคะแนนเสียงจะหยุดชั่วคราวเป็นเวลาสูงสุด 1 วัน แล้วจึงกลับมาดำเนินการต่อ หากยังไม่สามารถเลือกพระสันตะปาปาได้หลังจากลงคะแนนเสียงอีก 7 ครั้ง การลงคะแนนเสียงจะหยุดอีกครั้ง และเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าการลงคะแนนเสียงจะผ่านไปประมาณ 12 วัน

ผลการลงคะแนนจะยังคงไม่แน่นอนจนกว่าจะมีการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ภายใต้บานประตูที่ปิดสนิทของโบสถ์น้อยซิสทีน หากไม่มีผู้ใดได้รับเสียงข้างมากในรอบแรก บัตรลงคะแนนจะถูกเผาทิ้ง และ ควันสีดำ ที่พวยพุ่งจากปล่องควันของโบสถ์น้อยซิสทีนจะเป็นสัญญาณแจ้งว่าการเลือกยังคงดำเนินต่อไป แต่เมื่อ ควันสีขาว ปรากฏขึ้น นั่นคือสัญญาณว่าพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้รับการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว

เมื่อมีการเลือกพระสันตะปาปาแล้ว หัวหน้าคณะพระคาร์ดินัลจะถามผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งว่า “ท่านยอมรับการเลือกตั้งตามหลักศาสนาเป็นพระสันตะปาปาสูงสุดหรือไม่” หากผู้ได้รับการเลือกตอบว่า “ข้าพเจ้ายอมรับ” หัวหน้าคณะพระคาร์ดินัลจะถามต่อว่า “ท่านต้องการให้ขานพระนามว่าอะไร” จากนั้นเจ้าพิธีกรรมจะบันทึกข้อมูลลงในเอกสารทางการ ควันสีขาวจะพวยพุ่งออกมาจากปล่องไฟ และระฆังจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ก็จะดังขึ้น พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะสวมเสื้อคลุมสีขาว และพระคาร์ดินัลจะเข้ามาทีละคนเพื่อสาบานตนว่าจะเชื่อฟัง หลังจากนั้น พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะสวดภาวนาในโบสถ์น้อยเซนต์ปีเตอร์ ก่อนจะเสด็จมาที่ระเบียงซึ่งมองเห็นจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ และประกาศว่า “Habemus papam!” (เรามีพระสันตะปาปาแล้ว!) พร้อมแนะนำพระองค์ให้โลกรู้จัก

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของคริสตจักรโรมันคาทอลิกได้มีพระสันตะปาปาหลายร้อยพระองค์ที่นำทางผู้ศรัทธา รายพระนามพระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยนักบุญซีโมนเปโตรในศตวรรษที่ 1 และดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งได้รับการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2013 และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2025

พระนามของพระสันตะปาปา 5 องค์สุดท้ายในอดีต

  1. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis) ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน (ณ วันที่เขียนบทความในแหล่งข้อมูล) พระองค์ทรงได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013 และตามแหล่งข่าวบางแห่ง สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2025 ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา ก่อนหน้านี้ทรงเป็น คาร์ดินัล จอร์จ แบร์โกกลิโอ จากอาร์เจนตินา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีการปฏิรูปคณะคาร์ดินัลให้มีความหลากหลายมากขึ้น และมีแนวคิดแบบเสรีนิยม
  2. สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (Pope Benedict XVI) ทรงเป็นพระสันตะปาปาก่อนหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระองค์ทรงสละตำแหน่ง ในปี ค.ศ. 2013
  3. สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 (Pope John Paul II) ทรงเป็นพระสันตะปาปาก่อนหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 พระองค์ทรงได้รับการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1978 และทรงเป็นคาร์ดินัลจากโปแลนด์ ซึ่งเป็นพระสันตะปาปาจากนอกอิตาลีครั้งแรกในรอบ 455 ปี
  4. สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 1 (Pope John Paul I) ทรงเป็นพระสันตะปาปาก่อนหน้าสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2. พระองค์ทรงได้รับการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1978 และไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ที่สื่อคาดการณ์ไว้ แต่ได้รับการเลือกเนื่องจากความถ่อมตนและความเป็นที่รัก
  5. สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 (Pope Paul VI) ทรงเป็นพระสันตะปาปาก่อนหน้าสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 1

นอกจากพระสันตะปาปาที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว ยังมีบุคคลที่ถูกเรียกว่า “พระสันตะปาปาซ้อน” (antipope) ซึ่งหมายถึงผู้ที่อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาโดยไม่ถูกต้อง หรือได้รับการเลือกตั้งแต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ หรือเป็นปรปักษ์ต่อพระสันตะปาปาที่ได้รับการเลือกอย่างถูกต้องตามกฎหมายศาสนจักร พระสันตะปาปาซ้อนมักเกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองหรือความไม่ลงรอยภายในศาสนจักรเอง

เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์ คำถามสำคัญคือใครจะเป็นผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกคนต่อไป? แม้ว่ากระบวนการเลือกตั้งจะเป็นความลับ และผลลัพธ์สุดท้ายอาจพลิกผันได้เสมอ แต่สื่อและนักวิเคราะห์ก็ได้มีการคาดการณ์รายชื่อ “ตัวเต็ง” ที่มีโอกาสได้รับการเลือกตั้ง

ชื่อพระคาร์ดินัลหลายท่านที่ถูกกล่าวถึง เช่น:

  • พระคาร์ดินัลหลุยส์ อันโตนิโอ ตักเล (ฟิลิปปินส์): วัย 67 ปี ได้รับการจับตามองว่าเป็นผู้สืบทอดแนวทางเสรีนิยมของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีประสบการณ์จากการเป็นผู้นำคณะสมณมนตรีเพื่อการประกาศข่าวประเสริฐ และเป็นบุคคลที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสไว้วางใจ ความสามารถในการสื่อสารและการเป็นตัวแทนของเอเชียเป็นข้อได้เปรียบ แต่ข้อกังวลเรื่องการบริหารอาจเป็นอุปสรรค
พระสันตะปาปา, วาติกัน, คริสตจักรโรมันคาทอลิก, เลือกพระสันตะปาปา, พระคาร์ดินัล, ศาสนาคริสต์
<strong>พระคาร์ดินัลหลุยส์ อันโตนิโอ ตักเล</strong> Cradit <a href="https://x.com/guikilter">guikilter</a>
  • พระคาร์ดินัลเปียโตร ปาโรลิน (อิตาลี): วัย 70 ปี เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่วาติกันที่มีประสบการณ์สูงสุด ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งนครรัฐวาติกันตั้งแต่ปี 2013 มีบทบาทสำคัญในกิจการทางการทูต ความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับคริสตจักรโลกและทักษะการบริหารทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง แม้จะสนับสนุนการปฏิรูปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่มีแนวทางที่ระมัดระวังและอนุรักษนิยมกว่า
พระสันตะปาปา, วาติกัน, คริสตจักรโรมันคาทอลิก, เลือกพระสันตะปาปา, พระคาร์ดินัล, ศาสนาคริสต์
<strong>พระคาร์ดินัลเปียโตร ปาโรลิน อิตาลี</strong> Cradit <a href="https://x.com/pcwb99">pcwb99</a><br>
  • พระคาร์ดินัลอันเจโล สโคลา (อิตาลี): วัย 82 ปี เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งพระสันตะปาปาที่ได้รับการพูดถึงมาอย่างยาวนาน และเคยเป็นหนึ่งในตัวเต็งในการประชุมเลือกพระสันตะปาปาเมื่อปี 2013 เคยดำรงตำแหน่งอาร์คบิชอปแห่งมิลาน แต่อายุที่มากอาจเป็นอุปสรรค
พระสันตะปาปา, วาติกัน, คริสตจักรโรมันคาทอลิก, เลือกพระสันตะปาปา, พระคาร์ดินัล, ศาสนาคริสต์
<strong>พระคาร์ดินัลอันเจโล สโคลา อิตาลี</strong> Cradit amarintv
  • พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เทิร์กสัน: วัย 76 ปี ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญด้านความยุติธรรมทางสังคมของคริสตจักรคาทอลิก โดยในอดีตเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม (Dicastery for Promoting Integral Human Development) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านนโยบายสังคมของวาติกันหากได้รับการเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปา พระคาร์ดินัลเทิร์กสันจะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะพระสันตะปาปาชาวแอฟริกันองค์แรกในรอบหลายศตวรรษ โดยพระสันตะปาปาชาวแอฟริกันพระองค์ล่าสุดคือ สมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุส ผู้ดำรงตำแหน่งระหว่างปี ค.ศ. 492–496
พระสันตะปาปา, วาติกัน, คริสตจักรโรมันคาทอลิก, เลือกพระสันตะปาปา, พระคาร์ดินัล, ศาสนาคริสต์
<strong>พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เทิร์กสัน</strong> Cradit <a href="https://x.com/Looze_freedom">Looze freedom</a>

อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า พระสันตะปาปาหลายพระองค์ไม่ได้มาจากกลุ่มผู้สมัครที่เป็นตัวเต็ง การเลือกตั้งในวาติกันมักเต็มไปด้วยความลึกลับและการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับการอธิษฐานและการเจรจา คาร์ดินัลอาจแสวงหาผู้สมัครที่สามารถประนีประนอมระหว่างกลุ่มต่างๆ หรือนำเสนอมุมมองที่คาดไม่ถึง ดังนั้น จึงต้องรอคอยกันต่อไปว่าใครจะเป็น “โป๊ป” องค์ใหม่ที่จะนำคริสตจักรโรมันคาทอลิกก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่มีแนวคิดแบบหัวก้าวหน้า หรือผู้ที่รักษาจารีตอย่างเคร่งครัด การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของคริสตจักรคาทอลิกอย่างแน่นอน