สวนดุสิตโพล สำรวจความเห็นคนได้เงิน 10,000 กลุ่มเปราะบาง ส่วนใหญ่มองช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มาก-กระตุ้นเศรษฐกิจพอสมควร ทำให้ค่อนข้างเชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่ กลุ่มตัวอย่าง 65.70% รู้สึกชื่นชอบพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น
หลังจากรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเริ่มจ่ายเงินโครงการในเฟสที่ 1 ในชื่อ “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ” จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางทั้ง 14.5 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 25-27 และ 30 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
ล่าสุด สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินแล้ว จ้านวน 845 คน (สํารวจทางภาคสนาม) พบว่า สถานะทางการเงินของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้และมีหนี้ ร้อยละ 46.75 จากเงินที่ได้รับได้นำไปใช้ซื้อของกินของใช้ ร้อยละ 47.00
โดยมองว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มาก ร้อยละ 57.75 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไต้พอสมควร ร้อยละ 53.61 ส่งผลให้ค่อนข้างเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ร้อยละ 50.65 อยากให้รัฐบาลมึนโยบายช่วยเหลือประชนเพิ่ม คือ การเพิ่มเงินเดิน ค่าจ้าง สร้างงาน สร้างอาชีพ ร้อยละ 31.70 ทั้งนี้จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ทำให้รู้สึกชื่นชอบพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.70
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจชี้ว่านโยบายแจกเงิน 10,000 บาทช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง โดยเงินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นและชำระชำระหนี้ โดยมีจำนวนไม่มากนักที่จะนำไปลงทนต่อยอยอด แม้จะเห็นว่านโอบายนี่ช่วยเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมันที่มีต่อรัฐบาลเพื่อไทย แต่ประชาชนยังคงต้องการเพิ่มค่าจ้าง การจ้างาน และสร้างอาชีพ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริงได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริมา บุญมาเลิศ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสติการแห่งรัฐและคนพิการ ที่รัฐบาลแจกเงินสด 10,000 บาท ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาเรื่องค่าครองชีพและหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น โดยนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยชื่อสินค้าอุปโภคบริโภคกันอย่างคึกคัก ทำให้ประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และทำให้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูต่อไปว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางรัฐบาลจะมีมาตรการใดออกมาอีก เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่องและส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในระยะยาว
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่โอนไม่ผ่านในรอบแรก 380,000 ราย จากปัญหาเรื่องการผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชน หรือปัญหาเรื่องบัตรประจำตัวคนพิการ กรมบัญชีกลางจะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 จ่ายเงินภายใน 22 ตุลาคม 2567
ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายใน 10 ตุลาคม 2567
ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนภายใน 18 ตุลาคม 2567
ครั้งที่ 2 จ่ายเงินภายใน 22 พฤศจิกายน 2567
ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายใน 12 พฤศจิกายน 2567
ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนภายใน 18 พฤศจิกายน 2567
ครั้งที่ 3 จ่ายเงินภายใน 22 ธันวาคม 2567
ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายใน 3 ธันวาคม 2567
ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนภายใน 16 ธันวาคม 2567
เมื่อพ้นการจ่ายเงินซ้ำครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ
ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ