หลายจังหวัดทั่วไทยยังพบการเผาไม่หยุด ส่งผลค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งเกินมาตรฐานเพียบ โดยค่าสูงสุดใน 10 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน-ภาคกลาง ขณะที่พบจุดความร้อนในประเทศพุ่งเกือบเท่าตัวในช่วง 24 ชั่วโมง เกือบครึ่งอยู่ในพื้นที่ป่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตามจับกุมคนจุดไฟเผาพื้นที่เกษตร-ขยะที่ทำให้เกิดควันไฟหนาแน่นได้แล้วหลายราย ส่วน กทม.แม้ยังจมฝุ่น แต่คาดจะดีขึ้นเมื่อมีลมค่อนข้างแรงกับอัตราการระบายอากาศที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องระวัง 29 ม.ค.นี้ สภาพอากาศอาจกลับมาแย่อีก
สถานการณ์ฝุ่นและควันยังคงปกคลุมในหลายจังหวัด โดยเมื่อวันที่ 26 ม.ค. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า รายงานภาพรวมสถานการณ์ฝุ่นในประเทศไทยรอบเวลา 08.00 น. ว่า พบค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 23 จังหวัด ในภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง และพบค่า PM 2.5 เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในระดับสีส้ม กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ขณะที่ในรอบเวลาเดียวกัน พบ 11 เขตของกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจ โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขตหนองจอก วัดได้ 49.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ส่วนเขตที่เหลือพบค่าฝุ่น PM 2.5 ระดับปานกลางไปจนถึงดี ขณะที่ข้อมูลจุดความร้อนในประเทศ ณ วันที่ 25 ม.ค. มีทั้งสิ้น 710 จุด แบ่งเป็น พื้นที่ป่า 311 จุด นาข้าว 151 จุด อ้อย 65 จุด ข้าวโพด 34 จุด เกษตรอื่นๆ 106 จุด และอื่นๆ 43 จุด จุดความร้อนประเทศกัมพูชา 978 จุด เมียนมา 537 จุด สปป.ลาว 326 จุด เวียดนาม 131 จุด
ด้านศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศระบุสถานการณ์โดยรวม เกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยภาคกลาง ภาคอีสาน ยังเป็นสีแดงในหลายจังหวัด ภาคตะวันออกสถานการณ์ดีขึ้น มีเพียงจังหวัดปราจีนบุรีที่เป็นสีแดง ภาคเหนือตอนบน ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหลายจังหวัด แต่ภาคเหนือตอนล่างยังเกินเกณฑ์มาตรฐาน จังหวัดสุโขทัยยังเป็นสีแดง ขณะที่แนวโน้มพื้นที่ กทม.
และปริมณฑล แม้สถานการณ์ดีขึ้นแต่ภาพรวมยังเกินเกณฑ์มาตรฐาน
สรุปสถานการณ์ฝุ่นละอองทุกพื้นที่ของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังวันที่ 27 มกราคม เป็นต้นไป เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการระบายอากาศมากยิ่งขึ้น ลมที่พัดค่อนข้างแรง ประกอบกับอัตราการระบายอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น จะช่วยระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ได้ ส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังวันที่ 29 ม.ค. พื้นที่ กทม.อาจต้องเฝ้าระวังอีกครั้งเนื่องจากอัตราการระบายอากาศที่ต่ำลง แต่ประเมินแล้วจะไม่รุนแรงเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) รายงานการเฝ้าระวังและการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ข้อมูล ณ วันที่ 26 ม.ค. เวลา 07.00 น. พบ 10 จังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด ดังนี้ 1.ปราจีนบุรี 2. สระบุรี 3.ศรีสะเกษ 4.ลพบุรี 5.หนองคาย 6.กาฬสินธุ์ 7.ขอนแก่น 8.สุโขทัย 9.สิงห์บุรี และ 10.ยโสธร
ขณะเดียวกันตลอดวัน มีรายงานพบกลุ่มควันไฟในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยเวลา 15.00 น. ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ ภูกระแต ต.ห้วยส้ม อ.ภูกระดึง จ.เลย บริเวณบ้านสะพานขาว บ้านซำบ่าง ต.ห้วยส้ม ห่างจากถนนมลิวรรณ 300-500 เมตร นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ ภูกระแต นำ จนท.และประชาชนเข้าร่วมดับไฟที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 25 ม.ค. โดยนายอำเภอภูกระดึงเปิดเผยว่าครั้งนี้ไฟป่าเกิดขึ้นจากชาวบ้านขึ้นป่าและเผาเพื่อหาของป่าต่างๆ ซึ่งได้แจ้งความกับ พงส.สภ.ภูกระดึง สืบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี และจะไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด
ที่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 ม.ค. มีการจับกุมดำเนินคดีผู้เผาพื้นที่ทางเกษตร 2 ราย รายแรกคือ นายจรัญชัย สำราญใจ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 บ้านหนองบัวเงิน ต.อูบมุง ยอมรับเผาใบอ้อยเพื่อเตรียมการเพาะปลูกในรอบถัดไป ในพื้นที่ปลูกอ้อยหมู่ 1 ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ เนื้อที่ 30 ไร่ ริมทาง หลวงหมายเลข 2315 เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 24 ม.ค. รายที่สองคือ นายธนู ทองไพโรจน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 บ้านหนองอ้อใต้ ต.หนองอ้อ ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่เพาะปลูกอ้อยได้ลักลอบเผาใบอ้อยที่บ้านหนองสวรรค์ หมู่ที่ 7 ต.หนองอ้อ เนื้อที่ 8 ไร่ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 2315 เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 ม.ค. เจ้าหน้าที่ส่งตัวให้ตำรวจ สภ.หนอง วัวซอ ดำเนินคดีตามมาตรา 25 (4) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535
สำหรับกรณีมีผู้ใช้ชื่อว่า “พุทธ พรมโสภา” โพสต์ในสื่อโซเชียลเป็นภาพการเผาไร่อ้อยที่เปลวเพลิงลุกโชนก่อให้เกิดกลุ่มควันโขมงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ม.ค. เวลา 09.30 น. นายเพทาย จรกระโทก นายอำเภอศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ พบผู้โพสต์คือ นางพุทธ พรมโสภา อายุ 59 ปี ราษฎรบ้านกุดแข้ ม.10 ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง เป็นเจ้าของไร่อ้อยดังกล่าว ที่เกิดเหตุอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ห่างหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นการจุดไฟเผาใบอ้อยที่เหลือในพื้นที่หลังตัดอ้อยแล้ว ประมาณ 2.8 ไร่ ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเจ้าของพื้นที่ผู้จุดไฟว่าการเผาไร่อ้อยหรือพื้นที่ตอซังหลังเก็บเกี่ยว เป็นความผิดตามกฎหมายและฝ่าฝืนข้อสั่งการการห้ามเผาในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ต่างๆในจังหวัด และมอบหมายให้ อบต.ทรายทอง เข้าแจ้งความที่ สภ.ศรีบุญเรือง ซึ่งระหว่างเดินทางกลับ คณะยังพบการเผาตอซังอีก 4 แปลง จึงเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้เผารวม 5 แปลง
ส่วนที่บ้านปอแดง หมู่ 9 ต.โนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ม.ค. เกิดไฟลามทุ่งไหม้ลามไปติดไร่อ้อยของเกษตรกรที่เป็นแปลงใหญ่เนื้อที่ราว 200 ไร่ มีการระดมรถดับเพลิงของเทศบาลใกล้เคียงเข้าควบคุมเพลิงประมาณ 1 ชม. จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ พบไร่อ้อยถูกไฟไหม้เสียหายราว 50-60 ไร่ ซึ่งตำรวจ สภ.บ้านด่าน และฝ่ายปกครอง ตรวจสอบเบื้องต้นพบต้นเพลิงมาจากไร่อ้อยในอำเภอสตึก ซึ่งเป็นเขตติดต่อกัน โดยไร่อ้อยฝั่ง อ.สตึก เสียหายประมาณ 90 ไร่ ไฟได้ลามต่อมาฝั่งไร่อ้อย อ.บ้านด่าน รวมไฟไหม้อ้อยในครั้งนี้ประมาณ 150 ไร่ เกษตรกรจึงรวมตัวเข้าแจ้งความ เพื่อเอาผิดกับคนเผาที่เป็นต้นเพลิงต่อไป
ขณะที่ จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 25 ม.ค. นางวิพร แววศรีผ่อง นอภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการเผาขยะ มีกลุ่มควันพุ่งสู่ท้องฟ้าเป็นจำนวนมากและส่งกลิ่นเหม็น เหตุเกิดในซอยเงินล้าน ม.8 ต.บางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี จึงประสานหน่วยงานต่างๆเข้าไปตรวจสอบ พร้อม ตร.สภ.เมืองปทุมธานี พบว่าเหตุเกิดบริเวณแคมป์พักคนงานและพบหลุมที่มีทรายกลบอยู่แต่ยังมีร่องรอยและกลิ่นเหม็นไหม้ โดยนายณัฐพงษ์ สีชมพู อายุ 32 ปี ชาวอุดรธานี ยอมรับว่าเป็นคนจุดไฟเผาขยะเศษกระดาษและพลาสติกเพื่อไล่ยุง แต่เมื่อเห็นมีชาวบ้านออกมาและมีควันจำนวนมาก จึงใช้ทรายกลบดับไฟทันที พร้อมขอโทษชาวบ้านที่ทำให้เดือดร้อน ที่ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
สำหรับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ใน กทม. ที่ยังสูงต่อเนื่อง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในวันที่ 26 ม.ค. สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ไม่มีเขตที่ได้รับผลกระทบเป็นสีแดงแล้ว และหลังจากนี้อัตราการระบายอากาศจะเริ่มดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังจุดเผาในบริเวณรอบนอกพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสั่งการให้ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจสอบและเตรียมพร้อมในการป้องกันการเผาในพื้นที่กรุงเทพฯ หากพื้นที่ใดมีการเผาให้รีบเข้าไปดับทันที และดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ส่วนมาตรการที่ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี คิดว่าเป็นเรื่องน่าดีใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ทำให้การจราจรลดน้อยลง ดังนั้น ช่วงสัปดาห์หน้าขอความร่วมมือประชาชนนำรถออกมาใช้ให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกัน กทม.ได้เสนอรัฐบาลเกี่ยวกับมาตรการควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ ซึ่งรถเก่ามีเต็มเมืองกว่า 3 ล้านคัน และเป็นตัวปล่อย PM 2.5 จึงเสนอให้เก็บภาษีรถเก่าเพิ่มขึ้น และถ้าจะซื้อรถใหม่ต้องเอาป้ายรถเก่ามาแลก
ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยถึงยอดผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและรถเมล์ ขสมก.ตามมาตรการขึ้นฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค.นี้ เพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะในเขต กทม. และปริมณฑลว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกมีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45.29 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 (ค่าเฉลี่ยฯ) ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้ค่าฝุ่นใน กทม.เริ่มดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้สถานศึกษามีการประกาศปิดการเรียนการสอนในวันที่ 27-31 ม.ค. ได้แก่ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถมและฝ่ายมัธยม ให้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ส่วนนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เรียนออนไลน์หรือแบบผสมผสานขึ้นกับดุลพินิจของผู้สอน ส่วนสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ให้เน้นการสอนแบบออนไลน์เป็นหลัก ยกเว้นกรณีจำเป็นให้เรียนตามปกติ หรือใช้แบบผสมผสาน ตามดุลพินิจของผู้สอน
ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ
