หลิง-ออม ร้องตำรวจเอาผิดซาแซง 5 ราย คุกคามถึงบ้าน

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (ดส.) หลิง-ออม สองนักแสดงสาว ได้แก่ น.ส.ศิริลักษณ์ คอง (หลิงหลิง) และ น.ส.กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ (ออม) ได้มอบหมายให้ผู้จัดการและทนายความเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกกลุ่มแฟนคลับประเภท “ซาแซง” จำนวน 5 ราย คุกคามหนักถึงขั้นบุกรุกบ้านและคอนโด รวมถึงจัดตั้งกลุ่มไลน์เพื่อติดตามตัวตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งสองคนได้รับผลกระทบด้านความปลอดภัยและจิตใจอย่างรุนแรง โดยทางตำรวจเผยว่าทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้วและอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

<strong>ภาพจาก dailynews</strong>

ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (ดส.) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ผู้แทนของนักแสดงสาวชื่อดัง หลิง-ออม ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รองผู้กำกับการดส. บช.น. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มแฟนคลับประเภท ซาแซง ซึ่งหมายถึงแฟนคลับที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของศิลปินอย่างรุนแรง

ในการร้องทุกข์ครั้งนี้ น.ส.พิมพลอย ปัญจชัยโยกุล ผู้จัดการส่วนตัว และ นายอาทร ทองมา ทนายความของดาราทั้งสอง ได้แจ้งว่ามีผู้กระทำผิดจำนวน 5 ราย ที่มีพฤติกรรมติดตามนักแสดงอย่างต่อเนื่องและคุกคามถึงขั้นบุกรุกเข้าไปในคอนโดและที่พักส่วนตัว

รายงานจากตำรวจระบุว่าพฤติกรรมของกลุ่มซาแซงเหล่านี้เข้าข่ายล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง เช่น การแอบถ่ายภาพรถยนต์ส่วนตัว เฝ้าหน้าคอนโดตลอดทั้งวันทั้งคืน และที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ การว่าจ้างบุคคลใกล้ชิด เช่น คนขับรถ เพื่อสืบความเคลื่อนไหวของนักแสดง โดยทางต้นสังกัดได้ไล่คนขับออกทันทีหลังพบว่าเกี่ยวข้อง

ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น คือ กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ ตั้งกลุ่มไลน์ สำหรับแลกเปลี่ยน ข้อมูลส่วนตัว ข่าวลือเสียหาย และนัดแนะการติดตาม เช่น การจองที่นั่งบนเครื่องบินให้ใกล้ดาราทุกครั้งที่มีงานเดินทางไกล รวมถึงพยายามติดต่อ คุณแม่และผู้จัดการส่วนตัว ของดาราเพื่อให้ได้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม

การกระทำทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อ สภาพจิตใจและความปลอดภัย ของหลิงและออมอย่างชัดเจน จนต้องตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง โดยต้นสังกัดยืนยันว่าต้องการให้คดีนี้เป็น บรรทัดฐาน สำหรับสังคม ไม่ให้เกิดกรณีลักษณะเดียวกันในวงการบันเทิงอีก

พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล เปิดเผยว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระบุตัวผู้เกี่ยวข้องทั้ง 5 รายได้แล้ว และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยื่นฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งในข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและความผิดอาญาที่เกี่ยวข้อง

ทางตำรวจยังได้ฝากเตือนถึงผู้ที่มีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันว่า การติดตามหรือคุกคามบุคคลสาธารณะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย หากไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าวอาจต้องเผชิญกับโทษทั้งทางแพ่งและอาญาในไม่ช้า

ข้อมูล : siamrath