รัฐบาลย้ำช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ขยายเวลาปรับโครงสร้างหนี้ถึง 24 พ.ค.

รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ กยศ. ตามพระราชบัญญัติใหม่ ขยายเวลาตัดยอดปรับโครงสร้างหนี้ถึง 24 พฤษภาคม 2568 พร้อมลดอัตราเบี้ยปรับ เหลือเพียง 0.5% ครอบคลุมลูกหนี้กว่า 3.5 ล้านราย เน้นพัฒนาคนเพื่อพัฒนาชาติ

(กรุงเทพฯ – 18 พฤษภาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ และ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ สองรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการดำเนินงานของ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในการขับเคลื่อนนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สินและเปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถกลับมาชำระหนี้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศขยายระยะเวลาการยื่นขอตัดยอดหนี้ตามระบบใหม่จากเดิมวันที่ 17 พฤษภาคม ออกไปจนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ผู้กู้ยืมที่ยังไม่ได้ดำเนินการสามารถเข้าร่วมระบบใหม่และรับสิทธิต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ได้อย่างเต็มที่

ภายใต้พระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ มีการปรับลำดับการชำระหนี้เป็น “เงินต้น – ดอกเบี้ย – เบี้ยปรับ” แทนที่ลำดับเดิม พร้อมลดอัตราเบี้ยปรับจากสูงสุดร้อยละ 18 เหลือเพียงร้อยละ 0.5 ซึ่ง ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุน กยศ. ยืนยันว่าผู้กู้ทุกคนจะเห็นยอดหนี้ลดลงอย่างชัดเจนทันทีที่ระบบคำนวณเสร็จสิ้น โดยปัจจุบันมีผู้กู้กว่า 2.3 ล้านรายจากทั้งหมด 3.5 ล้านรายที่เข้าสู่ระบบปรับโครงสร้างหนี้แล้ว และสามารถตรวจสอบยอดหนี้ใหม่ได้ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th

นอกจากนี้ กยศ. อยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่เพื่อให้สามารถรองรับระบบใหม่นี้ได้อย่างสมบูรณ์ แทนแอปพลิเคชันเดิม “กยศ. Connect” ซึ่งยังไม่สามารถแสดงข้อมูลหนี้แบบใหม่ได้

ในช่วงเดือนเมษายน–พฤษภาคม 2568 มีการหักเงินเดือนผู้กู้ที่มีหนี้ค้างเพิ่มขึ้น 3,000 บาทต่อบัญชี รวมกว่า 740,000 ราย กยศ. จึงออกมาตรการดูแลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กู้ที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะต้องชำระเงินงวดแรกเองและแจ้งนายจ้างเพื่อหยุดหักเงินเพิ่มในเดือนแรก และผู้กู้ที่ยังไม่ได้ทำสัญญาจะต้องยื่นคำร้องขอปรับลดการหักเงินเดือนภายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้มีผลเฉพาะเดือนพฤษภาคม หากไม่ทันสามารถยื่นใหม่ได้ในรอบเดือนมิถุนายนภายในวันที่ 14

ผู้กู้ที่ชำระหนี้เกินหลังการคำนวณใหม่จะได้รับการคืนเงินโดยอัตโนมัติ โดยจนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 มีบัญชีที่ชำระเกินกว่า 2.86 แสนบัญชี รวมวงเงินกว่า 3,399 ล้านบาท ซึ่ง กยศ. เริ่มทยอยคืนเงินแล้วบางส่วน และจะดำเนินการให้ครบทั้งหมดภายในกันยายน 2569

ทั้งนี้ ผู้กู้ที่เข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ไม่ว่าจะผ่านทางระบบออนไลน์หรือกระดาษ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม อาทิ การ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน, การผ่อนชำระได้ยาวนานถึง 15 ปี หรือจนถึงอายุ 65 ปี และ ส่วนลดเบี้ยปรับ 100% เมื่อชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญา โดยผู้กู้จะต้องรักษาวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพราะหากผิดนัดชำระติดต่อกันเกิน 6 งวด สัญญาปรับโครงสร้างหนี้จะสิ้นสุดลงทันที

นอกจากนี้ กยศ. ยังจัดมาตรการลดหย่อนเพื่อจูงใจให้ผู้กู้ที่อยู่ในระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ (และยังไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี) สามารถรับส่วนลดเงินต้น 5–10% และเบี้ยปรับ 100% หากชำระหนี้ครบในครั้งเดียว โดยสามารถลงทะเบียนขอสิทธิได้ภายใน 31 พฤษภาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์ของ กยศ.

รัฐบาลยืนยันว่า กยศ. คือเครื่องมือสำคัญในการเปิดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะแก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของนโยบาย “พัฒนาคน พัฒนาชาติ” ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาอย่างยั่งยืน

ข้อมูล : prd