กรมอุตุฯ เตือนอากาศร้อนจัดทั่วไทย 23-25 เม.ย. เสี่ยงลมแดด

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนช่วงวันที่ 23-25 เมษายน 2568 ประเทศไทยตอนบนจะเผชิญสภาพ อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยเฉพาะในภาคเหนือ กลาง และกรุงเทพฯ ที่อุณหภูมิอาจสูงแตะ 41 องศาเซลเซียส ด้าน ผศ.นพ.กิตติ เทียนขาว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผย “ลมแดด” หรือ ฮีทสโตรก (Heat Stroke) เป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต แนะประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และรู้เท่าทันอาการเตือนก่อนสายเกินไป

ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงที่ร้อนที่สุดของปีอย่างเป็นทางการ เมื่อ กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศแจ้งเตือนผ่านทางเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ว่า ตั้งแต่วันที่ 23-25 เมษายนนี้ หลายพื้นที่จะเผชิญกับสภาพอากาศ “ร้อนถึงร้อนจัด” โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพฯ ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดอาจแตะระดับ 40-41 องศาเซลเซียส

ในประกาศระบุว่า ภาคเหนือ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 31-41°C, ภาคอีสาน 37-40°C, ภาคกลาง 38-41°C, ภาคตะวันออก 34-38°C และ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะอยู่ที่ 35-39°C พร้อมขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะ ลมแดด (Heat Stroke) ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

ด้าน ผศ.นพ.กิตติ เทียนขาว ผู้ช่วยคณบดีและอาจารย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อธิบายว่า ฮีทสโตรกคือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ตามปกติเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูง ส่งผลให้ร่างกายระบายความร้อนไม่ทัน จนอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายพุ่งสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส

ร่างกายมนุษย์ปกติจะรักษาอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 36-37.5°C โดยอาศัยกลไกขับเหงื่อและระบายความร้อนทางผิวหนัง แต่ในภาวะฮีทสโตรก ระบบระบายความร้อนล้มเหลว ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ

ฮีทสโตรกแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. Classical Heat Stroke หรือโรคลมแดดที่ไม่ได้เกิดจากการออกแรง มักเกิดใน ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้มีโรคประจำตัว ที่อยู่ในสถานที่ร้อนนานเกินไป
2. Exertional Heat Stroke เกิดจากการใช้แรงในสภาพอากาศร้อน เช่น นักกีฬา หรือแรงงานกลางแจ้ง

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวัง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย ผู้ใช้ยา ยาขับปัสสาวะ หรือยาต้าน cholinergic และผู้ที่เพิ่งเข้าสู่สภาพอากาศร้อนโดยยังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

อาการเตือนของลมแดด ที่ไม่ควรมองข้าม ได้แก่ ตัวร้อนจัด เหงื่อออกน้อยหรือไม่ออกเลย ผิวแดงหรือแห้ง หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ อาเจียน หรือหมดสติ ในบางรายอาจมีอาการชัก หรือความดันโลหิตต่ำ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันเวลาอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้

แนวทางการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อพบผู้ที่อาจมีภาวะฮีทสโตรก ควรรีบนำไปยังที่ร่ม นอนราบ ยกเท้าให้สูง ถอดเสื้อผ้าที่เก็บความร้อน ใช้น้ำเย็นเช็ดตัว เปิดพัดลมหรือแช่ในน้ำเย็น เพื่อพยายามลดอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 39 องศาเซลเซียสภายใน 30 นาที หากผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดี ให้จิบน้ำทันที แต่หากหมดสติ ต้องตรวจสอบชีพจรและการหายใจ หากไม่มีชีพจร ต้องทำ CPR ทันที พร้อมโทรแจ้ง สายด่วน 1669

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ฮีทสโตรกอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันสังเกต การตระหนักรู้และเตรียมตัวรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

ข้อมูล : thairath