ทั่วโลกรีไซเคิลพลาสติกเพียง 9.5% พลาสติกใหม่ยังผลิตไม่หยุด

รายงานวิจัยจากข้อมูลปี 2022 เปิดเผยว่า จากพลาสติกใหม่ 437 ล้านตันที่ผลิตทั่วโลก มีเพียง 9.5% เท่านั้นที่มาจากการรีไซเคิล โดยขยะส่วนใหญ่ถูกเผาทิ้งหรือฝังกลบ ขณะที่ สหรัฐ กลับเป็นประเทศที่ใช้พลาสติกต่อประชากรมากที่สุด แต่มีอัตราการรีไซเคิลต่ำเพียง 5% เท่านั้น ทั้งนี้ มลพิษจากพลาสติกยังคงทวีความรุนแรง กระทบทั้งสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ โดยนักวิจัยชี้ว่าวิธีการจัดการปัจจุบันไม่สามารถรับมือกับวิกฤตได้อย่างแท้จริง พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการลดการผลิตตั้งแต่ต้นทาง


ในปี 2022 โลกผลิต พลาสติกใหม่ มากถึง 437 ล้านตัน แต่มีเพียง 38 ล้านตัน หรือ 9.5% เท่านั้นที่มาจาก พลาสติกรีไซเคิล ข้อมูลจากการวิเคราะห์อุตสาหกรรมระดับโลก ซึ่งอ้างอิงจากฐานข้อมูลสถิติของประเทศต่าง ๆ รายงานอุตสาหกรรม และแหล่งข้อมูลระหว่างประเทศ สะท้อนถึงการจัดการขยะพลาสติกที่ยังล้มเหลวในภาพรวม

สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ใช้พลาสติกต่อหัวสูงที่สุดในโลก อยู่ที่ 216 กิโลกรัมต่อคนต่อปี สร้างขยะพลาสติกถึง 40.1 เมกะตัน โดยส่วนใหญ่เป็นพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์ แม้จะมีขยะมหาศาล แต่กลับรีไซเคิลเพียง 5% เท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ จีน ประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติกเมื่อปี 2018

ในแง่ของการจัดการขยะพลาสติก พบว่ามีเพียง 27.9% เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล ส่วนที่เหลือ 40% ถูกฝังกลบ และอีก 34% ถูกเผาทำลาย แม้การเผาจะเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่มีอัตราการเผาสูงสุดถึง 70% ตามด้วย จีน 60% และ สหภาพยุโรป 38% ซึ่งส่วนหนึ่งนำขยะมาใช้เป็นพลังงาน แต่การเผาพลาสติกยังคงก่อให้เกิดมลพิษ โดยเฉพาะในประเทศรายได้ต่ำที่ขาดการควบคุมและเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ และสุขภาพของแรงงานที่เกี่ยวข้อง

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการรีไซเคิล คือความหลากหลายของชนิดพลาสติก ทั้งยังปนเปื้อนคราบอาหาร ฉลาก หรือวัสดุอื่น ๆ ทำให้กระบวนการรีไซเคิลทำได้ยากและมีต้นทุนสูง ขณะเดียวกัน ราคาพลาสติกใหม่มักต่ำกว่าพลาสติกรีไซเคิล เนื่องจากขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่ผันผวน ส่งผลให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการรีไซเคิลน้อยลง

นอกจากนี้ พลาสติกส่วนใหญ่ที่ผลิตในปี 2022 กว่า 98% มาจาก วัตถุดิบฟอสซิล โดยมีสัดส่วนจากถ่านหิน 44%, ปิโตรเลียม 40% และก๊าซฟอสซิล 8% ข้อเท็จจริงนี้ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมพลาสติกยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างหนัก และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว

แม้แนวคิดเรื่อง “ไบโอพลาสติก” ซึ่งผลิตจากวัสดุอินทรีย์จะเป็นทางเลือกที่หลายฝ่ายคาดหวัง แต่ยังมีข้อจำกัด โดยไบโอพลาสติกมีสัดส่วนเพียง 2% ของพลาสติกทั้งหมด และเผชิญความท้าทายทั้งด้านต้นทุน การใช้พื้นที่เกษตร และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หลายประเทศพยายามผลักดัน “สนธิสัญญาพลาสติก” ระดับโลก แต่การเจรจาเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ยังล้มเหลว โดยนัดเจรจาอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2025 ที่กรุงเจนีวา เป้าหมายคือการควบคุมการผลิตพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง

ลอร่า เบอร์ลีย์ หัวหน้าทีมพลาสติกของ กรีนพีซสหราชอาณาจักร ระบุว่า การรีไซเคิลเป็นเพียงกลยุทธ์เบี่ยงเบนความสนใจของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ เพื่อให้ประชาชนมองข้ามการผลิตพลาสติกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอย้ำว่า “วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริงคือหยุดผลิตพลาสติกมากเกินไปตั้งแต่แรก”

ขณะที่ เดลฟีน เลวี อัลวาเรส ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ด้านปิโตรเคมีระดับโลกจาก ศูนย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า “เราไม่สามารถรีไซเคิลเพื่อหลีกหนีจากมลภาวะได้ เพราะพลาสติกคือเชื้อเพลิงฟอสซิลในอีกรูปแบบหนึ่ง” และย้ำว่าการลดการผลิตคือกุญแจสำคัญสู่การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระยะยาว

ข้อมูล : bangkokbiznews