วันที่ 2 ของการรณรงค์ “7 วันอันตราย” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ได้เกิดอุบัติเหตุทางถนนรวม 460 ครั้ง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 458 คน และมีผู้เสียชีวิต 59 ราย โดยกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ขณะเดียวกัน ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ได้ขอความร่วมมือจากทุกจังหวัดให้บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวด และควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
วันนี้ (13 เม.ย. 68) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนได้แถลงผลการดำเนินงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้สรุปข้อมูลที่สำคัญที่บ่งชี้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ เช่น การขับรถเร็วเกินกำหนด และการดื่มแล้วขับ ซึ่งทางศปถ. ได้ขอให้จังหวัดต่าง ๆ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และจัดตั้งจุดตรวจเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันอุบัติเหตุ

เหตุการณ์สำคัญ: การควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด ในปีนี้ได้มีการกำหนดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัยที่มีเจ้าหน้าที่ดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการเล่นน้ำกลางถนน นอกจากนี้ยังได้มีการตั้งจุดตรวจและหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงจากการขับขี่บนท้องถนน
สถิติอุบัติเหตุในวันที่ 2:
- อุบัติเหตุ: 460 ครั้ง
- ผู้บาดเจ็บ: 458 คน
- ผู้เสียชีวิต: 59 ราย
- จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด: กรุงเทพมหานคร (9 ราย)
ปัญหาหลัก: สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือการขับรถเร็วเกินกำหนดและการดื่มแล้วขับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น 15.01 – 18.00 น. และ 18.01 – 21.00 น. ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด
แนวทางการป้องกัน: ศปถ. ได้เตรียมพร้อมในการปฏิบัติงานเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการขับขี่ปลอดภัย การใช้เครื่องมืออุปกรณ์นิรภัย และการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างมีความระมัดระวัง
สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางถนนและมาตรการในการป้องกันนั้น ศปถ. จะทำการตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างทันท่วงทีและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด.
ข้อมูล / ภาพ : bangkokbiznews