จากกรณีมีข่าวลือเกี่ยวกับการประกาศขาย “สาทร ยูนีค ทาวเวอร์” ตึกสูงที่ถูกทิ้งร้างมานานกว่า 30 ปี ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tampote Torsuwan ลูกชายของ อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ผู้พัฒนาโครงการ ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ยืนยันว่าบิดาไม่ได้เป็นผู้ประกาศขาย พร้อมเปิดเผยเบื้องหลังข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อน
ตึกที่ถูกแช่แข็งมานาน 30 ปี
สาทร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นตึกสูง 49 ชั้นที่หยุดการก่อสร้างตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หรือวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” แม้จะกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเพียง “ตึกเปล่า” ที่ไม่มีการใช้งาน
Tampote ระบุว่า ตึกแห่งนี้ไม่ได้เป็นทรัพย์สินร้างที่รอการขาย แต่เป็นโครงการที่มีเจ้าของห้องชุดแล้วกว่า 90% ตั้งแต่ช่วงแรกของการเปิดขาย อย่างไรก็ตาม ตึกกลับถูกพันธนาการด้วยข้อพิพาททางกฎหมายที่ลากยาวมากว่า 30 ปี
ข้อพิพาทและกระบวนการฉ้อฉลทางกฎหมาย
โพสต์ของ Tampote ได้กล่าวถึงกระบวนการที่เขาเรียกว่า “ทุนสามานย์” ซึ่งมีการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อ “โอนถ่ายทรัพย์” เปลี่ยนมือไปยังกลุ่มทุนต่างชาติ และสร้างเงื่อนไขให้โครงการกลายเป็น “ตึกเปล่า” เพื่อให้สามารถซื้อในราคาต่ำ จากนั้นจึงนำไปฟอกทรัพย์เพื่อทำกำไร
เขายังย้ำว่า บิดาและมารดาได้ต่อสู้กับกระบวนการนี้มาโดยตลอด และการที่ตึกยังคงตั้งตระหง่านอยู่จนถึงวันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความซับซ้อนของปัญหาทางกฎหมาย
ปฏิเสธข่าวการประกาศขาย
Tampote ยืนยันว่า อ.รังสรรค์ ไม่ได้เป็นผู้ประกาศขายตึกนี้ และไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการขายแต่อย่างใด นอกจากนี้ เขายังเปิดเผยว่า บิดาของเขามีปัญหาด้านสุขภาพและพักผ่อนเป็นหลักในช่วงหลัง
“โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว ถ้าปัญหาตึกนี้มันจบง่าย มันคงไม่ยืนเป็นอนุสาวรีย์ต้มยำกุ้งมานาน 30 ปี” – Tampote Torsuwan
การชี้แจงครั้งนี้ช่วยคลายข้อสงสัยบางส่วนเกี่ยวกับสถานะของ “สาทร ยูนีค ทาวเวอร์” อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทและปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตึกแห่งนี้ยังคงดำเนินอยู่ และเป็นไปได้ว่าการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของเจ้าของดั้งเดิมยังไม่จบลงง่าย ๆ
