ชายวัย 60 หลงเชื่อกลมิจฉาชีพ หลอกพาทำงานเมืองนอก สูญเงิน 3 แสน

ชายวัย 60 ปี เล่าอุทาหรณ์ลูกเตือนแล้วไม่ฟัง หลงเชื่อกลอุบายแก๊งมิจฉาชีพหลอกพาไปทำงานต่างประเทศ งานสบายรายได้ดี สร้างตัวละครหว่านล้อมให้หลงเชื่อ สุดท้ายสูญเงิน 3 แสน ซ้ำส่งข้อความมาเยาะเย้ยให้เจ็บใจ

วันที่ 20 มกราคม 2568 มีรายงานว่า ได้มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์โดนมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน หลังเชื่อเพราะอยากไปทำงานเมืองนอก งานสบายรายได้ดี เสียรู้มิจฉาชีพอ้างเป็นชาวสวนเกษตรค่าแรงชั่วโมงละ 662 บาท ทำงาน 8 – 9 ชั่วโมงขั้นต่ำ ต่อวันรายได้ 90,000 – 150,000 บาท ต่อเดือน (ไม่หัก tax) สูญเงิน 3 แสนในพริบตา

คุณสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 61 ปี เปิดเผยว่า เนื่องจากตอนนี้ตนเองว่างงาน เพราะอายุเกิน 60 ปีแล้ว ก็เลยคิดอยากจะไปทำงานต่างประเทศ ก็เลยไปเห็นเพจหนึ่งที่บอกว่าเป็นฝ่ายบริการจัดหางานของบริษัทแห่งหนึ่ง มีทุนจดทะเบียน 51 ล้านบาท โดยเปิดรับสมัครคนไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย อายุระหว่าง 50 ปี ไม่เกิน 65 ปี พอดีตนเองก็อยู่ในเกณฑ์นั้นพอดี ก็เลยคิดว่าอยากไปทำงานที่ออสเตรเลียสัก 2-3 ปี พอมีเงินเก็บกลับมา แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าเราเองไม่ได้รู้ว่าบริษัทนี้มีจริงหรือเปล่าที่ได้พูดคุยมา พอได้รู้จักเขาได้เชิญเข้าไลน์กลุ่มแรงงาน 98/19 น่าจะมีสมาชิกในกลุ่ม 19 คน ที่แจ้งตัวเองว่าเป็นแรงงานที่ไปทำงานที่ออสเตรเลีย

คุณสมชาย บอกว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตนเองได้เดินทางไปจังหวัดขอนแก่น แล้วมีคนทักมาว่ายังสนใจไปทำงานต่างประเทศไหม มีโควตาอยู่ ถ้าอยากได้โควตาต้องจอง 6,500 บาท ก็เลยตัดสินใจโอนเงินไปจองโควตา หลังจากนั้นก็ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ ในเรื่องของการทำเอกสาร โดยได้ส่งพาสปอร์ต บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน แล้วทางบริษัทจะทำเรื่องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมว่าเรามีประวัติเสียหรือไม่ เขาก็ทำให้ทั้งหมด วันต่อมาวันที่ 28 ธ.ค. 2567 เขาก็ให้ไปตรวจโรค ตนเองก็ได้ไปตรวจโรคก็ได้ส่งใบตรวจโรคไปให้เขา เขาก็แจ้งว่าการยื่นวีซ่าไปสถานทูตผ่านหมดเรียบร้อยแล้ว โดยให้ยื่นสเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือนไปด้วย เขาบอกว่ายื่นสเตทเม้นท์ไปแล้วแต่ไม่ผ่าน โดยมีหนังสือมาว่าถ้าสเตทเม้นท์ไม่ผ่านนายจ้างก็จะอนุโลมให้ โดยต้องหาเงินจำนวน 3 แสนบาท เพื่อเป็นหลักประกันในการไปทำงานต่างประเทศ

หลังจากนั้นจึงได้ไปกู้ยืมเงินมาได้ 2 แสนบาท เงินตัวเองกับภรรยาอีกคนละ 5 หมื่นบาท รวมแล้วมีเงินในบัญชีอยู่ 314,703.46 บาท ตามในบันทึกประจำวันของตำรวจ หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าเงินไม่สามารถโอนได้ ต้องไปดาวน์โหลดแอปจาก Play Store มาเพื่อเปลี่ยนสกุลเงินให้เป็นดอลลาร์ แล้วต้องไปสแกนหน้าที่ธนาคารเพราะมียอดการโอนเงินเกิน 5 หมื่นบาท ต้องมีการสแกนหน้าเพื่อรับรอง ด้วยความดีใจที่จะได้ไปทำงานเมืองนอกตนเองก็เลยไปไม่คิดเลยว่าจะโดนหลอก พอออกมาจากธนาคารเขาก็ให้เราเข้าไปที่แอปที่ดาวน์โหลดมาจาก Play Store ชื่อ Bitget Wallet: คริปโต และ BTC แล้วโอนเงินเข้าไปในแอปนั้น เงิน 3 แสนกว่าบาทไม่ถึงวินาทีไปหมดเลย

“ตอนนี้เหมือนจะเป็นลมเหมือนขาดใจตายไปเลย เงิน 3 แสนบาทหายไปในพริบตา แล้วเขาบอกว่าเงินจะโอนตีกลับมาหากทำรายการไม่ถูกต้อง เชื่อว่าเป็นกลอุบายของเขา แล้วเขาก็บอกว่าให้โอนเงินไปอีกในยอดเท่าเดิม เสร็จเรียบร้อยมันถึงจะตีเงินทั้งหมดมาเป็นจำนวน 16,000 ดอลลาร์กว่าๆ เขาก็บอกย้ำๆ มา 2-3 วัน ก็เลยเกิดเอะใจ จึงได้แจ้งศูนย์ AOC สายด่วน 1441 เพื่ออายัดบัญชี และได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์”

คุณสมชาย กล่าวอีกว่า ลูกสาวที่เป็นพนักงานธนาคารบอกว่าบริษัทนี้มันไม่มีจริงนะพ่อ เราก็ไม่เชื่อเราเลยโดน จึงขอแจ้งเตือนคนที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศ ประเทศที่เจริญแล้ว ให้คิดให้ดีคิดให้ถี่ถ้วน คิดให้รอบคอบ เพราะอยู่ในเพจมีคนโดนแบบนี้เยอะ ที่แน่ ๆ ก็ต้องไปถามกรมแรงงาน จัดหางานจังหวัด หรือหน่วยงานของรัฐจะดีที่สุด

นอกจากนี้ คุณสมชาย ยังบอกอีกว่า ตนเองโดนสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มไลน์ คาดว่าเป็นมิจฉาชีพในขบวนการ ทักบอกว่า “_โง่เอง” มาเยาะเย้ยอีกด้วย

อย่างไรก็ตามไลน์กลุ่มดังกล่าวคาดเป็นไลน์กลุ่มที่มีตัวละครของบรรดามิจฉาชีพอยู่ในกลุ่ม และจะดึงเหยื่อที่มีความสนใจตามเงื่อนไขที่ได้เสนอไปว่าจะพาไปทำงานต่างประเทศได้จริงเข้ากลุ่ม เพื่อให้ตัวละครแต่ละคนได้ร่วมกันออกกลอุบายให้เหยื่อหลงเชื่อจนโอนเงินให้ได้สำเร็จแล้วก็จะปิดกลุ่ม เพื่อออกไปสร้างกลุ่มใหม่หลอกเหยื่อรายต่อไปเรื่อย ๆ

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ