วันที่ 12 มิถุนายน 2568 – สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เรียกร้องให้ประชาชนร่วมจับตาการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวาระสำคัญว่าด้วยการปรับเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะที่เคยกำหนดไว้ในกรณีการควบรวมกิจการของสองค่ายมือถือรายใหญ่ “ทรู-ดีแทค” หลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มทรูคัดค้านไม่ให้ “พิรงรอง รามสูต” หนึ่งในกรรมการ กสทช. ผู้มีบทบาทปกป้องสิทธิผู้บริโภค เข้าร่วมประชุมและพิจารณาวาระสำคัญดังกล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่ประชุม กสทช. มีมติอนุมัติให้การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ดีแทค) เกิดขึ้นได้ ภายใต้ “มาตรการเฉพาะ” ที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งในด้านราคา คุณภาพบริการ และการแข่งขันในตลาด แต่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคกลับพบว่าคุณภาพการบริการไม่ได้ดีขึ้น ขณะที่ทางเลือกกลับน้อยลง
ล่าสุด กลุ่มทรูมีท่าทีขอลดเงื่อนไขที่เคยรับปากไว้ พร้อมกันนั้น ยังได้คัดค้านไม่ให้ กสทช.พิรงรอง เข้าร่วมพิจารณาโดยอ้างคำพิพากษาศาลในอีกคดีหนึ่ง ซึ่ง สอบ. เห็นว่าเป็นการใช้เหตุผลที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะผู้ที่ยื่นคัดค้านต้องเป็น “คู่กรณีโดยตรง” หรือ “ผู้ที่มีส่วนได้เสียในวาระนั้น” เท่านั้น ขณะที่บริษัทที่ฟ้องพิรงรองคือทรูดิจิทัลกรุ๊ป ซึ่งเป็นคนละนิติบุคคลกับทรูมูฟเอชและทรูคอร์ปอเรชั่นที่เกี่ยวข้องกับวาระควบรวมกิจการ
สภาองค์กรของผู้บริโภคเตือนว่า หาก กสทช. พิรงรอง ถูกกันออกจากห้องประชุมจริง จะเป็นการตัดขาดเสียงของกรรมการที่มีบทบาทสำคัญต่อการคุ้มครองผู้บริโภค และอาจทำให้การพิจารณาวาระลดเงื่อนไขควบรวมเกิดขึ้นโดยไม่มีการถ่วงดุลอย่างเหมาะสม
สอบ. เห็นว่าการคัดค้านดังกล่าวอาจเป็นการ “บีบกรรมการที่ทำงานเพื่อสาธารณะ” ให้ออกจากกระบวนการพิจารณาวาระที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาลของประชาชน โดยเฉพาะผู้บริโภคกว่า 50% ของประเทศที่ใช้บริการจากกลุ่มทรูในปัจจุบัน
สภาองค์กรของผู้บริโภคขอเชิญชวนประชาชนร่วมจับตาการประชุม กสทช. วันที่ 12 มิถุนายน 2568 อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ และไม่ให้เกิดการใช้กลไกทางกฎหมายแบบผิดวัตถุประสงค์เพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม
ข้อมูล : tcc