Tinder ปรับภาพลักษณ์ใหม่ จับกลุ่ม Gen Z ด้วยวิสัยทัศน์ผู้นำคนใหม่

เมื่อเดือนที่ผ่านมา Tinder แอปหาคู่ออนไลน์ชื่อดังที่เคยสร้างแรงกระเพื่อมให้วงการออกเดตทั่วโลก ต้องเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในการดึงดูดกลุ่มผู้ใช้งานรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ซึ่งมีพฤติกรรมและค่านิยมต่างจากผู้ใช้ยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางกระแสการลดลงของความนิยมในแอปออกเดตหลังยุคโควิด-19 และแรงกดดันจากนักลงทุน Spencer Rascoff ซีอีโอของ Match Group และหัวหน้าคนใหม่ของ Tinder จึงเดินหน้าเขย่าภาพลักษณ์ของแอป โดยเปลี่ยนจาก “แอปหาคู่นอนชั่วคราว” ไปสู่ “แพลตฟอร์มเพื่อการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น” พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Double Dating และนำเทคโนโลยี AI มาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของ Gen Z อย่างแท้จริง

แม้จะเคยเป็นแอปที่ขับเคลื่อนวงการเดตดิจิทัลให้เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน แต่ Tinder ในปัจจุบันกลับต้องเร่งปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในตลาดที่กำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ซึ่งมีอายุระหว่าง 18–28 ปี กลุ่มนี้ไม่เพียงปฏิเสธภาพจำเก่าๆ ของ Tinder ว่าเป็นแอปหาคู่นอน แต่ยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ ดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง และมีเพศสัมพันธ์น้อยลงกว่ารุ่นก่อน

Spencer Rascoff ผู้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้า Tinder ควบคู่กับบทบาทซีอีโอของบริษัทแม่ Match Group ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้ประกาศจุดยืนในการ “เขย่าภาพลักษณ์” ของ Tinder ให้ตอบโจทย์ Gen Z มากขึ้น โดยเปรียบเทียบแอปนี้ว่าเหมือน “บาร์” ที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้คนรุ่นใหม่อยากเข้ามาใช้บริการ พร้อมชี้ชัดว่า เป้าหมายไม่ใช่การเพิ่มปริมาณการจับคู่ แต่คือ “การเชื่อมต่อที่มีคุณภาพมากขึ้น”

แผนปฏิบัติการของ Rascoff ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และองค์กร เขาเรียกร้องให้พนักงานเร่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มความปลอดภัยในแอป และใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น แม้จะต้องแลกมาด้วยรายได้ในระยะสั้นก็ตาม

หนึ่งในฟีเจอร์ที่กำลังได้รับการทดสอบในยุโรปคือ Double Dating ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้นัดเดตแบบคู่กับคู่ เพื่อลดความกดดันและสร้างบรรยากาศสบายๆ ในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ ผลตอบรับในช่วงทดลองใช้นั้นน่าพึงพอใจ และมีแผนจะเปิดตัวทั่วโลกในฤดูร้อนนี้

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Match Group กำลังเผชิญแรงกดดันทั้งจากภายนอกและภายใน อาทิ ความนิยมแอปออกเดตที่ลดลงหลังการระบาดของโควิด-19 พฤติกรรมของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับการปัดหน้าจอ รวมถึงปัญหาทางวัฒนธรรม เช่น การ Ghosting หรือการหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว และบัญชีปลอมที่บั่นทอนความไว้ใจ

นอกจากนี้ Match Group ยังถูกกดดันจากนักลงทุนให้ฟื้นฟูรายได้และการเติบโต หลังบริษัทต้องประกาศ ลดพนักงานถึง 13% หรือราว 325 คน รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กร ลดระดับผู้บริหาร เพื่อทำให้องค์กรคล่องตัวขึ้นและลดต้นทุน

เมื่อ Tinder คือเครื่องจักรทำเงินหลักของ Match Group การขับเคลื่อนแพลตฟอร์มนี้ให้ทันสมัยและใกล้ชิดกับ Gen Z มากยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของ Spencer Rascoff ซึ่งจะชี้วัดว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะสามารถพา Tinder กลับมาผงาดในฐานะแพลตฟอร์มหาคู่อันดับหนึ่งของโลกได้อีกครั้งหรือไม่

ข้อมูล : thestandard