อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ประกาศยืนยันแผนเปิดให้บริการ รถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) บนท้องถนนในเมือง ออสติน รัฐเท็กซัส ภายในสิ้นเดือน มิถุนายน 2568 นี้ โดยจะเริ่มทดลองด้วยรถจำนวนจำกัดก่อนขยายการให้บริการไปยังเมืองใหญ่อื่นๆ อย่าง ลอสแอนเจลิส และ ซานฟรานซิสโก หากการดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ชี้เป็นก้าวสำคัญของ Tesla ที่พยายามผลักดันรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ปี 2559
Tesla จะเริ่มให้บริการ Robotaxi ที่ออสตินด้วย รถ Model Y ประมาณ 10 คัน ซึ่งติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า FSD Unsupervised หรือ “ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากมนุษย์” โดยในช่วงต้นรถจะถูกจำกัดพื้นที่ให้บริการผ่านระบบ Geofence เพื่อควบคุมระยะทางและบริเวณการใช้งานอย่างแม่นยำ ทั้งนี้ Tesla จะไม่มีคนขับสำรองนั่งในรถ แต่จะให้พนักงานควบคุมและติดตามระบบการขับเคลื่อนจากระยะไกลแทน
อีลอน มัสก์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำว่าหากการให้บริการ Robotaxi ในออสตินประสบความสำเร็จ ก็จะมีการขยายจำนวนรถให้กลายเป็น “หลายพันคัน” ภายในเวลาอันสั้น เพื่อรองรับผู้โดยสารในวงกว้าง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่น
หนึ่งในคู่แข่งหลักคือ Waymo บริษัทในเครือของ Alphabet ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการรถไร้คนขับในเชิงพาณิชย์ โดยให้บริการกว่า 250,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ในหลายเมืองของสหรัฐฯ และใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ขั้นสูง เช่น Lidar และ Radar ในการควบคุมรถยนต์อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม มัสก์ ชี้ว่ากลยุทธ์ของ Tesla มุ่งพัฒนา “ระบบทั่วไป” (Generalized Approach) ที่อาศัยการประมวลผลผ่าน กล้องและซอฟต์แวร์ AI มากกว่าใช้เซนเซอร์ราคาแพง ซึ่งเขามองว่าอาจเป็นอุปสรรคต่อการผลิตในวงกว้าง และเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ Robotaxi สามารถเข้าถึงผู้ใช้ในระดับโลกได้จริง
แม้ว่า Tesla จะยังไม่มีรถยนต์รุ่นใดที่ผ่านการรับรองให้ใช้งานได้แบบไร้คนขับอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้ แต่การเปิดทดลอง Robotaxi ในเมืองออสตินครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามครั้งใหม่ในการเดินหน้าเทคโนโลยี ยานยนต์อัตโนมัติ ที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมการเดินทางในอนาคตอันใกล้
ข้อมูล : thestandard