ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง 4 กสทช. คดีปลด ‘ไตรรัตน์’ จากตำแหน่ง

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้อง 4 กรรมการ กสทช. ในคดีที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังถูกลงมติปลดจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ศาลระบุว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำเสนอไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการตัดสินให้จำเลยทั้ง 4 มีความผิด

รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 155/2566 ซึ่งเป็นคดีที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้องกรรมการ กสทช. จำนวน 4 คน และรองเลขาธิการ กสทช. จำนวน 1 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามข้อหาที่มีการลงมติปลดเขาจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. โดยศาลได้ตัดสินยกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำเสนอไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิด

คดีดังกล่าวเริ่มต้นจากคำสั่งลับ กสทช. ที่ 7/2566 ลงวันที่ 23 มกราคม 2566 ที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนา (กทปส.) จำนวน 600 ล้านบาท เพื่อซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 โดยข้อเสนอของคณะอนุกรรมการชุดนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะไม่เป็นไปตามกฎหมาย และมีการละเมิดมติ กสทช. รวมถึงข้อเสนอจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่ทำให้เกิดข้อขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 คณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำรายงานสรุปว่า การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งรายงานนี้ถูกนำเสนอในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 และมีการลงมติให้ปลดนายไตรรัตน์จากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น

นายไตรรัตน์ได้ยื่นฟ้องคดีในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และอ้างว่า การลงมติปลดเขาจากตำแหน่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบ กสทช. ข้อ 21 และ 29 ซึ่งห้ามกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยลำพัง โดยการลงมติครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพของเขาอย่างรุนแรง

แม้ว่าผู้พิพากษาบางท่านในองค์คณะจะมีความเห็นขัดแย้ง แต่ศาลได้พิพากษาว่า จำเลยทั้ง 4 คน และ 1 คน รองเลขาธิการ กสทช. ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่ได้กระทำการขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบการใด ๆ จึงได้ตัดสินให้ยกฟ้องในคดีนี้

ข้อมูล : bangkokbiznews