น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเร่งด่วนเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวผ่าน SMS ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และผู้แทนจากเครือข่ายมือถือเข้าร่วม
การแจ้งเตือนล่าช้า จุดอ่อนของระบบ SMS
ที่ประชุมได้หารือถึงประเด็นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูลแผ่นดินไหวจาก กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) และศูนย์วิจัยธรณีศาสตร์ของเยอรมนี (GFZ) ก่อนส่ง SMS แจ้งเตือนประชาชน โดยในเหตุการณ์ล่าสุด ปภ. ได้รับข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาเวลา 13.36 น. ใช้เวลาวิเคราะห์ราว 4 นาที ก่อนส่ง SMS ครั้งแรกในเวลา 14.40 น. ทำให้เกิดความล่าช้า
นายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตว่าการแจ้งเตือนควรเกิดขึ้นภายใน 5 นาที เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างทันท่วงที พร้อมเสนอแนวทางให้ส่งข้อความเตือนภัยแบบสั้น กระชับ เช่น “เกิดแผ่นดินไหว ออกจากตึกทันที” เพื่อลดระยะเวลาการสื่อสาร
เครือข่ายมือถือแจงข้อจำกัดการส่ง SMS
ด้าน ประธาน กสทช. ชี้แจงว่าเครือข่ายมือถือมีข้อจำกัดด้านจำนวนตัวอักษรของ SMS ซึ่งสามารถส่งได้เพียง 70 ตัวอักษรต่อข้อความ ส่งผลให้การสื่อสารข้อมูลที่จำเป็นต้องถูกตัดทอน
ตัวแทนจาก AIS กล่าวว่าระบบ SMS ยังไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าในวันเกิดเหตุ แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงให้สามารถส่งข้อความได้สูงสุด 30 ล้านหมายเลขต่อชั่วโมง โดยการส่ง SMS จะเป็นแบบเรียงตามเบอร์โดยไม่มีการระบุตำแหน่ง ขณะที่ตัวแทนจาก True ระบุว่าการส่ง SMS ไม่ใช่วิธีหลักในการแจ้งเตือนภัย เนื่องจากต้องอาศัยหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ และต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อรวบรวมหมายเลขที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ
แนวทางพัฒนาและการบูรณาการช่องทางสื่อสาร
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า SMS เป็นหนึ่งในเครื่องมือแจ้งเตือนภัยเชิงรุกที่ควรได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเสนอให้ใช้ โซเชียลมีเดีย เป็นอีกช่องทางเสริมในการแจ้งเตือนเพื่อเข้าถึงประชาชนได้รวดเร็วขึ้น โดยให้ภาครัฐและเครือข่ายมือถือร่วมมือกันพัฒนาระบบให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้แบบเรียลไทม์
ข้อมูล : thebetter
