Apple กำลังเผชิญกับการขาดทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปีจากบริการสตรีมมิ่ง Apple TV+ ตามรายงานของ The Information เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้ใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในการผลิตเนื้อหาสำหรับแพลตฟอร์มดังกล่าวนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 แต่ในปีที่ผ่านมาได้ลดงบประมาณลงราว 500 ล้านดอลลาร์
แม้ว่า Apple TV+ จะมีซีรีส์และภาพยนตร์คุณภาพสูง เช่น Ted Lasso, The Morning Show, Shrinking และ Severance แต่ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่าง Netflix, Disney+, และ Amazon Prime Video ในด้านจำนวนสมาชิก ปัจจุบัน Netflix มีสมาชิกมากถึง 301.63 ล้านราย ขณะที่ Disney+ มี 124.6 ล้านราย และ Warner Bros Discovery อยู่ที่ 116.9 ล้านราย ส่วน Apple TV+ คาดว่าจะมีผู้ใช้ราว 40.4 ล้านคน ณ สิ้นปี 2024 ตามการประมาณการของนักวิเคราะห์จาก Visible Alpha
แม้จะยังไม่สามารถแข่งขันด้านจำนวนสมาชิกได้ แต่ Apple TV+ ก็ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ โดย Tim Cook ซีอีโอของ Apple ระบุว่า โปรดักชันของ Apple TV+ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลกว่า 2,500 ครั้ง และได้รับรางวัลไปแล้ว 538 รายการ
การแข่งขันในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ผู้ให้บริการหลายรายต้องหาทางดึงดูดลูกค้าด้วยกลยุทธ์การรวมแพ็กเกจในราคาประหยัด Apple TV+ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจที่ Comcast นำเสนอ ซึ่งรวมบริการของ Peacock และ Netflix ในราคา 15 ดอลลาร์ต่อเดือน ขณะที่หากสมัครแยกต่างหาก Apple TV+ มีค่าบริการอยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือนในสหรัฐฯ นอกจากนี้ Apple ยังได้รวม Apple TV+ เข้ากับบริการอื่นๆ เช่น iCloud และ Apple Music ภายใต้แพ็กเกจ Apple One เพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้สมัครสมาชิกในระยะยาว

ข้อมูล / ภาพ : reuters