ทักษิณ เตรียมเดินสายเช้า-เย็น 5 ม.ค.นี้ ปราศรัยช่วย สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ชิงเก้าอี้นายก อบจ.เชียงราย
มีรายงานว่าทีมงานของ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า ได้รับการยืนยันจากทาง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ปราศรัยหาเสียงเพื่อขอคะแนนจากพี่น้องชาว จ.เชียงราย ในวันที่ 5 มกราคม นี้
โดยกำหนดการเบื้องต้น ช่วงเช้าจะเปิดปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ ต.ปล้อง อ.เทิง จากนั้นช่วงบ่ายจะย้ายมาเปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ และช่วงเย็นจะปราศรัยในพื้นที่ อ.แม่จัน เพื่อช่วยเหลือทางนางสลักจฤฎดิ์ ให้ได้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.เชียงราย รวมถึงและทีมงานสมาชิกในพื้นที่ให้เข้าสู่สภาให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบจ.เชียงราย เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะทางด้านของ นางสลักจฤฎดิ์ ผู้สมัครเบอร์ 2 เดินทางลงพื้นที่อย่างหนัก โดยหวังจะทวงเก้าอี้คืนจาก นางอธิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ.เชียงราย ในสมัยที่ผ่านมา ที่ครั้งนี้ลงสมัครได้เบอร์ 1

นางสลักจฤฎดิ์ กล่าวว่า การหาเสียงตนได้เน้นการพัฒนาพื้นฐานและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความพร้อมของเชียงราย Local Line : สถานีเชียงราย-เวียงชัย, EV car, Shuttle buses (เชื่อมต่อ ม.แม่ฟ้าหลวง-อ.แม่จัน-อ.แม่สาย-อ.เชียงแสน) Green & Digital City : ใช้เทคโนโลยีอากาศ ดาวเทียม และแพลตฟอร์มบริหารจัดการพื้นที่สีเขียวและลดภัยพิบัติทางธรรมชาติ Digital Farming : สนับสนุนโดรนเพื่อการเกษตร 124 ตำบล สร้างนักบินโดรน Landmark เชียงราย เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเชียงราย ‘ครัวอาหารปลอดภัยของชาติ’ รุ่งเรืองเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ และการใช้ศักยภาพของพื้นที่
นางสลักจฤฎดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังมีนโยบาย Value Added การเกษตรและการท่องเที่ยว ด้วยการทำ Branding และจัด Event ระดับโลก ทำเชียงรายให้เป็น ‘เมืองหลวงชากาแฟของโลก’ ‘เมืองกีฬาระดับโลก’ ‘เมืองศิลปินและศิลปะระดับโลก สร้างแกลเลอรี่ออนไลน์ ผลักดันศิลปะเชียงรายสู่สายตาชาวโลก สร้าง Influencer เชียงราย ขายสินค้าเด่นของจังหวัด ส่งเสริม Soft Power, ผลิตหนัง/ละคร,
ประกวดการทำสื่อใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการต่อยอดโอกาสทางการศึกษา : วางแผนทางการศึกษาให้นักกีฬาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลกยกระดับโรงเรียน อบจ. ให้เป็นโรงเรียนอินเตอร์พัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจกลุ่มชาติพันธุ์ผ่านการสนับสนุนตลาดชุมชนและการค้าท้องถิ่น ตลอดจนการแก้ไขปัญหา PM 2.5 โดยใช้สถิติจุด Hotspot ที่เคยเกิดขึ้นมาทำข้อมูลและออกแบบการรับมือไฟป่าส่งเสริมชุมชนต้นแบบเสวียน : ลดการเผา และพัฒนาชุมชนพึ่งพาตนเอง
นางสลักจฤฎดิ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังจัดแผน Eco-tourism : พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น ถ้ำหลวง, สามเหลี่ยมทองคำยั่งยืนเน้นการพัฒนาที่สอดคล้องกับธรรมชาติ สร้างความมั่นคง และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว : Design พื้นที่ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากเทคโนโลยีแก้ไข PM 2.5 : ออกแบบแนวกันไฟ และสถานีเติมน้ำ แก้ไขน้ำท่วม : บริหารจัดการน้ำและปรับภูมิทัศน์, จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเบ็ดเสร็จด้านภัยพิบัติ, จัดตั้งศูนย์กลางข่าวสารและศูนย์อพยพชั่วคราว, ขุดลอกและปรับปรุงระบบระบายน้ำ, บริหารจัดการพื้นที่ป่าและติดตั้งระบบเตือนภัยต่อท่อน้ำ Gravity : ระบบจัดการน้ำที่ประหยัดพลังงาน Agrotourism : ทุ่งนาสนามกอล์ฟ & Homestay zero waste-low carbon
“เรามุ่งหวังที่จะผลักดันเชียงรายเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยที่คนทั้งประเทศและทั่วโลกเชื่อมั่นสนับสนุนเกษตรกรให้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ พร้อมพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) สร้างแบรนด์อาหารปลอดภัย “Made in Chiang Rai” และส่งออกไปยังตลาดโลก และเป็นเมืองหลวงชากาแฟของโลก ผลักดันให้เชียงรายเป็นศูนย์กลางการผลิตชาคุณภาพสูงและกาแฟระดับพรีเมี่ยม จัดงานเทศกาลชากาแฟระดับนานาชาติ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิตกับผู้บริโภคทั่วโลก สร้างโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น

พัฒนาเชียงรายให้เป็นแหล่งผลิตนักกีฬาระดับนานาชาติ โดยเฉพาะใน 5 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล กอล์ฟ วอลเลย์บอล แบดมินตัน และกีฬานักเรียน จัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ เช่น การแข่งขันวิ่งมาราธอน สร้างโอกาสให้เยาวชนเชียงราย ก้าวสู่เส้นทางนักกีฬาอาชีพระดับโลก พร้อมผลักดันให้สามารถรับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก” นางสลักจฤฎดิ์ กล่าว
นางสลักจฤฎดิ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังต้องการที่จะให้เชียงรายเป็นเมืองศิลปินและศิลปะระดับโลกส่งเสริมศิลปินเชียงรายให้สามารถนำผลงานเข้าสู่ตลาดศิลปะระดับนานาชาติพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์และแกลเลอรี่ออนไลน์ที่ช่วยเชื่อมโยงศิลปินท้องถิ่นกับผู้ซื้อทั่วโลกจัดงานเทศกาลศิลปะ และดนตรีระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งนโยบายสำคัญเพื่อความรุ่งเรืองของเชียงราย คือการพัฒนาพื้นที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟทั้ง 11 แห่งใน 7 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ให้กลายเป็น “พื้นที่เศรษฐกิจชุมชน (Economic Hub)” ที่สร้างความเจริญแก่ท้องถิ่น ด้วยการออกแบบพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟให้มีบทบาทมากกว่าการเป็นจุดพักผู้โดยสาร แต่ยังเป็นจุดเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และศูนย์กลางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ข้อมูล/ภาพ : มติชน