“ชูศักดิ์” งัดรัฐธรรมนูญ ม.137 อ้าง พ.ร.บ.ประชามติเข้าข่าย กม.การเงิน ไม่ต้องรอ 180 วัน

“ชูศักดิ์” งัดรัฐธรรมนูญมาตรา 137 อ้าง ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เข้าข่ายกฎหมายการเงิน ไม่ต้องรอ 180 วัน จ่อถกวิปรัฐบาล เชื่อ ฝ่ายค้านเอาด้วย

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีมติเสียงข้างมากเห็นชอบให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมติวุฒิสภา ว่า มตินี้จะทำให้ไม่มีทางที่ 3 หมายความว่าเอาตามวุฒิสภาเลย ซึ่งเสียงข้างน้อยเอาตามสภาผู้แทนราษฎรใช้เสียงข้างมากธรรมดา ทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและนำสู่ที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งวุฒิสภาจะมีมติอย่างไรก็สุดแล้วแต่ ด้วยแนวโน้มเขาคงเห็นตาม กมธ.ร่วม

สำหรับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของเดิมเคยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดา เอกฉันท์ ไม่มีการคัดค้านอะไรเลย ตนคาดว่าสภาผู้แทนราษฎรก็คงจะยืนตามความเห็นเดิม แปลว่าไม่เห็นด้วยกับมติ กมธ.ร่วม ให้ใช้มติของสภาผู้แทนราษฎร อันนี้ก็แปลทางรัฐธรรมนูญคือ กฎหมายนี้ต้องถูกยับยั้งไว้ ต้องรอ 180 วัน แล้วหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่

ทั้งนี้ กฎหมายระบุว่าถ้า 180 วันแล้ว หยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ แล้วสมมติว่าสภาผู้แทนราษฎรยืนตามความเห็นเดิมเสียงข้างมากธรรมดา ก็แปลว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบตามสภาผู้แทนราษฎรที่เคยมีมติไว้แต่เดิม รัฐธรรมนูญเขาถือเอาสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ถ้าเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าก็สามารถนำเอาร่างนี้ที่สภาผู้แทนราษฎรเคยมีมติไว้แล้วนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธยได้เลย เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมาย

เมื่อถามว่าหากต้องรอ 180 วัน ท้ายที่สุดจะสามารถทำรัฐธรรมนูญใหม่ทันหรือไม่ นายชูศักดิ์ เผยว่า ถ้าทำประชามติ 3 ครั้ง ไม่ทันแน่นอน ขณะนี้รัฐบาลเหลือเวลาอยู่ 2 ปีเศษๆ คงไม่ทัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าหากมีการย่นย่อการทำประชามติเหลือ 2 ครั้งก็อาจจะทัน ทั้งนี้ เรื่องการทำประชามติ 2 ครั้ง ความเห็นของสภาและพรรคการเมืองทั้งหลายยังไม่ลงตัวนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นของฝ่ายสภาที่เห็นว่าจะต้องมีการทำประชามติครั้งแรกโดยที่ยังไม่มีร่าง ซึ่งมีความหมายว่าเป็นการทำประชามติ 3 ครั้ง ตนและทีมงานจึงขอพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน ทั้งพรรคการเมืองและฝ่ายสภา พูดง่ายๆ ว่าถ้าทำ 2 ครั้งได้ก็อาจจะทัน

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากใครได้ดูรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดจะพบว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 137 วรรคท้าย ระบุว่า หากเป็นกฎหมายการเงิน ระยะเวลา 180 วัน ให้ลดลงเหลือ 10 วัน ซึ่งตนมองว่ากฎหมายประชามติก็เป็นกฎหมายการเงิน เพราะต้องใช้งบประมาณในการทำประชามติ ตรงนี้จึงเป็นข้อกฎหมายที่ฝากไว้ให้คิดกัน ซึ่งพวกเราจะนำเรื่องนี้มาคิดด้วยและนำเสนอคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ว่า ไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน ผู้สื่อข่าวถามต่อ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ท้ายที่สุดก็ต้องเข้าไปวิปรัฐบาล ซึ่งจะหารือโดยเร็ว โดยตนจะคุยกับ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ว่ามีประเด็นข้อกฎหมายตรงนี้ด้วย

“ผมเห็นในรัฐธรรมนูญมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครพูดเรื่อง 180 วัน ว่าอาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ ใครที่เป็นนักกฎหมายลองไปเปิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 137 วรรคท้ายดูก็อาจจะทำประชามติทันก็ได้ แต่เท่าที่คิดกันมาในอดีตว่าหากไม่ทันจริงๆ ความคิดของพวกเรามองว่าก็ต้องดันไป อย่างน้อยที่สุดขอให้มีการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะได้มายกร่างรัฐธรรมนูญรัฐฉบับใหม่ ก็ถือว่าเราทำหน้าที่เพื่อที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะตรงนี้คือนโยบายของรัฐบาล”

ส่วนคำถามว่ามีโอกาสที่จะหารือกับฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีความตั้งใจที่อยากจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นอะไรที่เป็นไปได้ ตนเชื่อว่าฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือ ได้ทำงานร่วมกันมา ตนก็ได้เห็นความตั้งใจของเขาที่อยากจะทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลเองก็มีความตั้งใจเช่นกัน ซึ่งได้เขียนไว้ในนโยบายของรัฐบาลว่า จะเร่งรัดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนโดยเร็วที่สุด ในตอนท้ายเมื่อถามว่า ประเด็นที่ออกมาเกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นต่างหรือไม่ นายชูศักดิ์ หัวเราะก่อนตอบว่า ไม่เอา ไม่อยากทะเลาะกับใค

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ

author avatar
CatchUp