ภูมิธรรม ย้ำชัด ’เกาะกูด’ ของไทย อย่าปลุกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ประเทศ เตรียมนั่งประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ดึงสภาพัฒน์-กฤษฎีกา ร่วมแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล ลั่นอย่าจินตนาการโยงสัมพันธ์คนในรัฐบาลไทย-กัมพูชา
วันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีความพยายามยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิก MOU 2544 ในยุคของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่รัฐบาลปัจจุบันจะนำมาเป็นเครื่องมือในการแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งมองว่าไทยจะเสียเปรียบการปักปันเขตแดนทางทะเล โดยเฉพาะเรื่องเกาะกูด จ.ตราด ว่า MOU 2544 เราทำได้ดีแล้ว คนที่ทำเรื่องนี้ได้ดีก็คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งในสมัยนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ยืนยันว่า เกาะกูด เป็นของไทยมาโดยตลอด และไม่เคยมีปัญหาว่ากัมพูชาอยากจะเอา แบ่งเขตแดนและการพูดคุยเรื่องเส้นแบ่งเขตแดนในเรื่องเก่าที่เกิด MOU 2544 ไม่ใช่ MOU จะให้ทำ แต่เป็น MOU จะให้ไม่ทำ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาคือเรื่องเส้นเขตแดน
โดยข้อเท็จจริงแล้วเส้นเขตแดนมาตามเกาะกูด และอ้อมเกาะกูดลงมา โดยไปตามแนวของเกาะกูด เพียงแต่เราอยากเห็นการปักเส้นเพียงนิดเดียว คือ เส้นนี้ แทนที่จะไปล้อมรอบเกาะกูด ก็ตรงออกมาเลย และขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเขตแดน แต่ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน
เพราะทุกประเทศมีหลักการที่ใช้คือวัดจากไหล่ทวีปมา 200 ไมล์ทะเล และอ่าวไทยแคบ เมื่อมีการประกาศ 200 ไมล์ทะเล เราก็ 200 ไมล์ทะเลตาม ทำให้ต่างฝ่ายมีพื้นที่ทับซ้อนกัน ซึ่งในโลกนี้มีหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ก็ใช้วิธีการพูดคุยกันเพื่อตกลงผลประโยชน์ แต่ไม่ได้หมายถึงเรื่องดินแดน ซึ่งเรื่องดินแดนของเราในเรื่องเกาะกูด ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยฝรั่งเศส ว่าเกาะกูดเป็นของไทย
ตรงนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเกาะกูดหรือไม่ ขออย่าหลงประเด็น สิ่งสำคัญคือข้างล่างใต้ทะเลที่มีประโยชน์ น้ำมันใช้ได้ ซึ่งอีก 10 ปีจะลดความสำคัญลง และตรงนี้กว่าจะตกลงกันได้หากเอาผลประโยชน์ขึ้นมา ก็ปา 5 ปี ซึ่งหากไม่ทำอะไรภายใน 10 ปี ก็ไม่มีความหมายเพราะปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่น่าเสียดายที่ประเทศชาติจะต้องสูญเสียทรัพยากรตรงนี้ไป
การที่รัฐบาลจะนำเรื่องนี้มาพูดคุย ซึ่งเข้าใจว่าตนน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะสมัยก่อนเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ต้องเจรจากัน แต่ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าขยายเป็นเรื่องการยึดดินแดน เสียดินแดน ชาติขึ้นมา เพราะเป็นการปลุกความคลั่งชาติขึ้นมา ทำร้ายผลประโยชน์ที่ประเทศควรจะได้รับ
เมื่อถามว่า มันมีข้อมูลและหลักฐานที่ชี้ชัด ว่ากัมพูชาก็อ้างสิทธิในเกาะกูด ทั้งการขีดเส้นขีดแดงขึ้นเอง และการสร้างสะพานลงในอ่าวไทย โดยยึดเขตแดนดังกล่าว นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ก็คงต้องคุยกัน เพราะต่างฝ่ายต่างพูดก็จะไม่มีข้อสรุป
ซึ่งปัจจุบันนี้เรื่องเส้นแดนหรือเขตแดนที่ทุกประเทศมีปัญหา มีความสำเร็จน้อยมากที่จะพูดคุยกัน มีหลายประเทศที่พูดคุยกันแต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ใช้เวลา 20-30 ปี แต่เขามีกระบวนการที่จะหาประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้ทรัพยากรตรงนั้นอำนวยประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีหลายเคสที่ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ อยากให้ลดอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับความคลั่งชาติ และต้องทำความเข้าใจประเด็นขายชาติขายดินแดน มันไม่มี สิ่งที่แตกต่างกันก็ยังยืนยันอยู่ แต่ก็ไม่มีการล่วงล้ำอะไร สิ่งที่จะดูก็คือจะแบ่งปันผลประโยชน์อย่างไร กับผลประโยชน์ที่ทั้งสองชาติสามารถที่จะอ้างอิงได้ถ้าท่านเข้าใจว่าจาก 2 ไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลตามที่โลกยอมรับทับกันแน่นอนอยู่แล้ว และเขายึดแผนที่ฝรั่งเศสด้วย
ซึ่งก็ยังเป็นปัญหาอยู่สิ่งที่เกิดขึ้นในการประกาศขึ้นมาก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้วเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ก็ต้องมีการเจรจา ถ้าผมเข้ามารับผิดชอบคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะหมดไปกับรัฐบาลชุดที่แล้ว และหลังจากเปลี่ยนแปลงแล้วก็คงจะเรียกประชุมว่าจะทำอย่างไร ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับ ให้มีหน่วยงานที่กว้าง ขึ้นมากกว่ากระทรวงต่างประเทศเพราะปัจจุบันเป็นอธิบดีและหัวหน้ากรมสนธิสัญญาอาจจะต้องดึงสภาพัฒน์ กฤษฎีกาและส่วนอื่น ๆ เข้ามาร่วมด้วย เพื่อทำให้ภาพรวมมองได้กว้างขวางมากขึ้น
เมื่อถามว่า ในมุมมองจะแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนควบคู่ไปกับการปักปันเขตแดนให้เสร็จไปพร้อมพร้อมกันเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นความอยากของทุกคน แต่สามารถทำได้แค่ไหนก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นว่าจะมีประเทศไหนสำเร็จก็ค้างคากันอยู่แบบนั้น เช่น กรณีไทย-มาเลเซีย ไทย-เวียดนาม ถึงจะสามารถแบ่งปันผลประโยชน์กันได้ รวมถึงไทยกัมพูชา แต่ต้นเชื่อว่าบนพื้นฐานที่ปัจจุบันอาเซียนค่อนข้างใกล้ชิดและสามารถพูดคุยกันได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตามขอเข้าไปดูรายละเอียดก่อน
เมื่อถามว่า มีคนกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของคน ในรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ที่มีความใกล้ชิดกันจึงมีความกังวลการเจรจาจะมีผลประโยชน์ส่วนตัว นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปจินตนาการเรื่องผลประโยชน์ ประเทศชาติต้องมาก่อนเรื่องอื่นอยู่แล้ว และการแยกดินแดนก็ไม่มีเป็นเรื่องของการที่จะแบ่งปันผลประโยชน์ตามที่นานาประเทศทำกันอย่าจินตนาการ เพราะเรื่องจริงหรือไม่จริงยังไม่รู้ แต่จะมีความรู้สึกว่าผิดมันพลาดไปจะเกิดขึ้นโดยเร็ว อยากให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงดีกว่า หากความจริงมันเป็นอย่างนั้น พิสูจน์ได้ก็ว่ากันไป และตนเชื่อว่าทุกคนรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ