ครม.จัดแพ็กเกจใหญ่ ออกมาตรการช่วยเหลือน้ำท่วม ’ประชาชน-ผู้ประกอบการ’ ลดภาษี ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ-คาดตัวเลขสำรวจ “ค่าล้างโคลน-ยกเว้นค่าไฟและน้ำประปา” สัปดาห์หน้ารู้ยอด
วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการโดยเฉพาะมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กว่า 50 จังหวัด โดยมีการอนุมัติเงินฟื้นฟูปัญหาต่าง ๆ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 9,000 บาทต่อครัวเรือนไปแล้ว
โดยรัฐบาลยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานฟื้นฟูชีวิตและฟื้นรายได้จำนวนครัวเรือนละ 10,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจ รวมไปถึงการยกเว้นค่าไฟฟ้าและน้ำประปาในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะทราบว่ามีอยู่กี่ครัวเรือน
นอกจากนี้ ยังมอบให้กระทรวงการคลังมีมาตรการด้านภาษี เพื่อลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูที่พักอาศัยและธุรกิจต่าง ๆ คือ 1.ยกเว้นภาษีรายได้บุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล เท่ากับจำนวนเงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล 2.ยกเว้นภาษีเงินรายได้นิติบุคคลให้กับบริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ได้รับการช่วยเหลือ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan ตามวงเงินที่ได้อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ 50,000 ล้านบาท และผู้ประกาศการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ 3.5 ต่อปี ในระยะเวลา 2 ปี โดยแต่ละรายจะมีวงเงินประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดสามารถสอบถามได้จากธนาคารที่ประชาชนใช้บริการอยู่ทั้งธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์ 16 แห่งที่ร่วมโครงการ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส.) ที่เป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยวงเงินต่อราย 10,000-2,000,000 บาท ค่าธรรมเนียม 1.25% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี
และธนาคารออมสินยังมีการช่วยเหลือลูกหนี้เดิม โดยจะมีการพักชำระหนี้เงินต้น โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ถือบัตรเครดิตจะมีการปรับลดอัตราชำระขั้นต่ำเป็น 3% ใน 3 รอบบัญชี ซึ่งที่ผ่านมาจะต้องชำระมากกว่า 3% หรือชำระเต็ม
ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ได้สูงสุดถึง 20 ปี โดยมีระยะปลอดเงินต้นไม่เกิน 3 ปี และยกเว้นดอกเบี้ยปรับ ทั้งจำนวนด้วย
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน สำหรับโครงการเสริมสภาพคล่อง และการอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ในวงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี โดย 6 เดือนแรกกระทรวงการคลังจะไม่เก็บอัตราดอกเบี้ย แต่หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ย MRR หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี
ส่วนมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต รายการลงทุน ในการซ่อมแซมบ้าน รวมทั้งซ่อมแซมอุปกรณ์ทางการเกษตรต่าง ๆ วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย MRR 2% ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี
ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะมีมาตรการในการช่วยเหลือด้วย ส่วนธนาคารอิสลาม และอีกหลายธนาคาร จะมีการออกมาตรการช่วยเหลือด้วย
โฆษกรัฐบาลยังเปิดเผยอีกว่า มาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาและจะต้องนำกลับเข้ามายังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คือการออกระเบียบและกฎหมายต่าง ๆ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี โดยจะมีการกำหนดให้รายจ่ายค่าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านหรือการก่อสร้างต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้ประชาชน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการของกระทรวงการคลัง

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ