คอลัมน์ : Politics policy people forum
พรรคประชาชนเปิดตัวอย่างครึกโครม หลังจากพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
ประกาศ “ยักไหล่แล้วไปต่อ” ผ่านมา 2 เดือนมีสมาชิกพรรคมากกว่า 83,650 ราย สามารถระดมเงินบริจาคกว่า 28 ล้านบาท
แต่กระแสดังกล่าวค่อย ๆ ซาลงมา จนถูกตั้งคำถามว่า จะสร้างปรากฏการณ์ร้อนแรงเหมือนพรรคต้นขั้วอุดมการณ์ อย่าง พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล หรือไม่
แต่วันนี้พรรคประชาชน ภายใต้การนำของ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” วางโรดแมปการเดินทาง 3 ปี เรียกว่าโปรเจ็กต์ 270 เพื่อไปสู่การเลือกตั้ง 2570
โรดแมป 2570
ณัฐพงษ์กล่าวถึงโปรเจ็กต์ 270 ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปทำอย่างไรให้มั่นใจได้ว่าพรรคประชาชนได้ สส. 270 ที่นั่ง คือได้ 20 ล้านเสียง ได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 50 ที่นั่ง และ สส.เขตต้องเพิ่มมา 100 กว่าที่นั่ง ต้องทำเพิ่มให้ได้
การที่จะทำให้เป็นพรรคแมสแบบนั้นได้จริง ๆ ต้องปรับเรื่องภาพลักษณ์ การสื่อสาร ทั้งทีมเครือข่ายจังหวัด ทีม สส. และการนำเสนอนโยบาย
สิ่งสำคัญคือ ทำให้คนรับรู้ว่าเราพร้อมที่จะบริหารประเทศแล้วจริง ๆ
“ทุกคอมเมนต์ที่จะมีต่อนโยบายของรัฐบาล พรรคประชาชนต้องมีข้อเสนอที่ดีกว่าทุกครั้ง ทำให้ประชาชนเห็นภาพว่าวันหนึ่งที่เราได้เป็นรัฐบาลขึ้นมาเราจะทำอะไรให้ดีกว่านั้นได้บ้าง เพื่อให้โหวตเตอร์ ที่แต่ก่อนอาจจะไม่เคยเลือกพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลมาก่อน ก็หันมาเลือกพรรคประชาชนมากขึ้น ส่วนขาการเมืองท้องถิ่น เป็นอีกหนึ่งสนามที่จะส่งมอบนโยบายที่เป็นรูปธรรมได้ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในปี 2568”
“พรรคประชาชนวางเป้าไป 3 ปีข้างหน้า โดยปี 2568 จะมีการเปิดตัวนโยบาย 2570 สมุดปกขาว White Paper เล่าหลักปรัชญา การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อนำไปพูดคุยกับแวดวงวิชาการ นักธุรกิจ และ ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพัฒนานโยบาย ในการเลือกตั้ง 2570”
เมกะโปรเจ็กต์ประชาชน
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ขณะที่เรื่องเมกะโปรเจ็กต์ที่รัฐบาลเพื่อไทยเสนอ Entertainment Complex แลนด์บริดจ์ เราเชื่อว่าไม่ได้เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่พรรคประชาชนจะมีการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ประชาชน ที่กระจายไปทั่วประเทศ เพราะโจทย์ในการพัฒนาเมือง การแก้ไขคุณภาพชีวิตประชาชน การสร้างอุตสาหกรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นเรื่องเดียวกัน
โจทย์ของพรรคประชาชนคือ ทำอย่างไรให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของไทยเหมือนประเทศโลกที่หนึ่ง ทั้ง น้ำประปาดื่มได้ ขนส่งสาธารณะ รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด อากาศสะอาด
“พยายามนำตรงนี้ใช้ท้องถิ่นขับเคลื่อน และหลาย ๆ อย่างจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมในประเทศตอบรับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Semiconductor ซึ่งเรื่องนี้เชื่อมโยงกับซัพพลายเชน เช่น ถ้าจะมีการติดตั้งสมาร์ทเซ็นเซอร์ทั่วประเทศ ผลิตรถเมล์ไฟฟ้า หนีไม่พ้นจะต้องมี System Integrator คอยดูแลระบบเหล่านี้ทั่วประเทศ ก็จะโยงไปถึงการรีสกิล อัพสกิล สร้างงานไปทุกหัวเมืองต่าง ๆ นี่คือโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของพรรคประชาชน”
“เราต้องแพ็กเกจเรื่องเหล่านี้ เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย และจะสื่อสารใน 2-3 ปีจากนี้”
รักษาเขตเดิม เพิ่มเขตใหม่
ณัฐพงษ์บอกวิธีเพิ่ม สส.ให้ถึงเป้า 270 ที่นั่งว่า เป็นการรักษาเขตเดิม และหาเขตใหม่ คือโจทย์สำคัญ ปรับในวิธีการทำงานในพื้นที่ เพราะประชาชนที่ไม่ใช่โหวตเตอร์ของพรรค มองเข้ามาอาจรู้สึกว่าพรรคเราเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ พรรคบนโลกโซเชียล ไม่สามารถไว้วางใจในการบริหารประเทศ สิ่งนี้พรรคจำเป็นต้องแก้เพื่อให้ได้คะแนนมาเพิ่ม
ดังนั้น การส่งมอบนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะพื้นที่ที่พรรคชนะยกจังหวัด สส.จะต้องผลักดันผลงานให้ได้ เป็นสิ่งที่เราบอกกับ สส.ไว้
สุดท้ายสำคัญไม่แพ้กัน คือจุดยืนอุดมการณ์พรรค เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้เราเติบโตมาถึงทุกวันนี้คือ การตรงไปตรงมา ก่อนเลือกตั้งพูดอย่างไร หลังเลือกตั้งพูดอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้ต้องรักษาเอาไว้ เพื่อรักษาคะแนนเสียงเดิม
ปชน.ต้องเป็นที่พึ่งที่หวัง
“ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคประชาชน เสริม Vision ของพรรคว่า ถ้าดูวิสัยทัศน์ของพรรคประชาชน จะต้องเป็นที่พึ่งที่หวัง เดินหน้าทำงาน เปลี่ยนความหวังให้เป็นความจริง จะทำได้ต่อเมื่อเราสามารถพิสูจน์กับประชาชนได้ว่าเราพร้อมที่จะเป็นฝ่ายบริหารแล้วจริง ๆ เราให้น้ำหนักมาก ต้องคิดเรื่องกระบวนการนโยบายให้เสร็จสิ้น
“แม้ในปี 2566 เราทำมาพร้อมในระดับหนึ่งแล้ว แต่เราต้องตรวจสอบกับ ผู้มีส่วนได้เสีย ให้ชัดเจน เพราะไม่อยากให้เกิดภาวะที่ไปต่อไม่ถูก ทำอะไรติดขัด เพราะไม่คิดรอบคอบถี่ถ้วน”
ต้องมี ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ “พริษฐ์ วัชรสินธุ์” โฆษกพรรคประชาชน ย้ำธงการเมืองของพรรคว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญมี 2 แนวทางคู่ขนาน แนวทางแรกคือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และแนวทางที่ 2 ที่ต้องทำคู่ขนาน คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพราะกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องใช้เวลานาน และอาจจะไม่แล้วเสร็จทันตามที่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ พรรคประชาชนจำเป็นต้องแก้รายมาตราในหลายเรื่อง
สำหรับแนวทางที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความเป็นไปได้ในการเลือกตั้งปี 2570 คือ การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 แล้วจัดให้มีการทำประชามติเพื่อสอบถามว่าควรให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
จากนั้นเมื่อ ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็ทำประชามติสอบถามประชาชนอีกครั้ง ว่าจะเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จะเป็นการทำประชามติเพียงแค่ 2 ครั้ง ซึ่งจะเป็นไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นไปได้ที่สุด ในการได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนการเลือกตั้งปี 2570
“หากเราใช้เวลา 3-4 ปี เสียงบประมาณเป็นหมื่นล้าน เพื่อทำประชามติ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราก็อยากให้รัฐธรรมนูญมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ประชาชนจริง ๆ ดังนั้น ก็ควรมี ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง 100% ออกแบบการเลือกตั้งอย่างไรให้มีที่มาหลากหลาย” นายพริษฐ์กล่าว
ทั้งหมดคือโรดแมปพรรคประชาชน วางเดิมพัน 3 ปี เป็นรัฐบาล 270 เสียง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ