นายกฯแพทองธารโชว์วิสัยทัศน์ระดับนานาชาติครั้งแรกบนเวที “ผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย” หรือ ACD ชี้ไทยแกร่งด้านเกษตร-อาหารเป็นครัวของโลกได้ ส่วนเวทีต่อไปเข้าร่วมสุดยอดอาเซียนที่ สปป.ลาว “พิชัย” เผยนายกฯเป็นหนึ่งในดาวเด่น เพราะเพิ่งติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสาร TIME
ช่วงเดือนตุลาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีภารกิจแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีประชุมผู้นำระดับโลกครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเริ่มภารกิจแรกในการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Ritz-Carlton Doha กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ พร้อมขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ท่ามกลางผู้นำประเทศสมาชิก 35 ประเทศ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
นายกฯโชว์วิสัยทัศน์ ACD
น.ส.แพทองธารกล่าวถึงบทบาทสำคัญของ ACD ท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและต้องการการแก้ไข เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ในฐานะผู้นำของประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่นำพาและสร้างความร่วมมือเพื่อเสถียรภาพและการเติบโตของประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน
ศตวรรษที่ 21 นี้ได้ถูกกล่าวขานว่าเป็น “ศตวรรษแห่งเอเชีย” และเอเชียมีประชาชนกว่าร้อยละ 60 ของประชากรโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และความมั่นคงทางอาหารของโลก เปรียบเสมือน “แหล่งพลังงาน” และ “ครัวของโลก”
ชูเกษตร-อาหารไทยเจ๋ง
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการเกษตรและอาหาร ซึ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจและการตอบสนองต่อความต้องการอาหารทั่วโลก อีกทั้งประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่สำคัญ สามารถเป็นประตูสู่การเชื่อมต่อในโลกตะวันออก กับโลกตะวันตกได้เป็นอย่างดี รัฐบาลไทยจึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการขนส่งทางบก การขนส่งทางราง และทางน้ำให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
“ยังพร้อมเพิ่มสนามบินใหม่ ๆ และพัฒนาศักยภาพสนามบินที่มีอยู่เพื่อรองรับทั้งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าต่าง ๆ ทั้งนี้ ประเทศไทยขอเชิญชวนประเทศสมาชิก ACD มาร่วมกันพัฒนาเส้นทางการค้าใหม่ ๆ เพื่อเชื่อมต่อและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วทั้งเอเชีย ในฐานะที่เอเชียเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก”
ปัจจุบันบทบาทของ ACD มีความสำคัญมากขึ้น โดยเป็นกรอบความร่วมมือระดับทวีปแห่งแรกและแห่งเดียวของเอเชีย ซึ่งรวมภูมิภาคต่าง ๆ ที่หลากหลายเข้าด้วยกัน ในการดำรงตำแหน่งประธาน ACD ของประเทศไทย ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ACD จะเป็น “เวทีหารือของเอเชีย”
เตรียมสถาปัตยกรรมการเงินใหม่
นายกฯกล่าวถึงความสำคัญของการทบทวน สถาปัตยกรรมทางการเงิน โดยบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีตจากวิกฤตการเงิน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีระบบการเงินที่มีความสมดุลและยืดหยุ่น ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะสร้าง “สถาปัตยกรรมการเงินที่สมดุล” ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้การเป็นประธาน ACD ในปีหน้า ประเทศไทยจะจัดการประชุมเพื่อพิจารณาการพัฒนาสถาปัตยกรรมทางการเงิน
“ในฐานะที่ประเทศไทยจะเป็นประธานในปีหน้า ไทยมุ่งมั่นที่จะผลักดันวาระของ ACD เพื่อสร้างเอเชียที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น พร้อมกับเน้นความร่วมมือเพื่อทำให้ศตวรรษนี้เป็น ‘ศตวรรษแห่งเอเชีย’ อย่างแท้จริง โดยมี ACD เป็น ‘เวทีหารือแห่งเอเชีย’ (Forum of Asia) ที่พร้อมจะร่วมกันผลักดัน ‘วาระของเอเชีย’ (Asia’s Agenda) ต่อไปให้ก้าวหน้า เพื่อการพัฒนาที่สำคัญของประเทศสมาชิกต่อไป”
หลายประเทศอยากลงทุน
น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ภายหลังการขึ้นเวทีถึงผลสำเร็จการเข้าร่วมประชุมดังกล่าวว่า ระหว่างการประชุมหลายประเทศยกย่องไทยในฐานะผู้ริเริ่ม และเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หลายประเทศสนใจและตื่นตัวที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สอบถามโอกาสความร่วมมือกับไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี การศึกษา ซึ่งหลายประเทศติดตามและชื่นชมที่ Google ได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เกี่ยวกับคลาวด์ และเทคโนโลยี รวมทั้งด้านศึกษา อาหารไทยมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับด้านการแพทย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ขณะเดียวกัน จุดยืนของไทยในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน ไทยอยากเห็นและผลักดันให้เกิดสันติภาพ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องชีวิตบริสุทธิ์ และกฎบัตรสหประชาชาติ
กาตาร์สนใจอาหารไทย
ส่วนการหารือกับเจ้าผู้ครองรัฐและผู้นำประเทศ ทั้งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน นายมัสอูด เปเซชกียาน (Masoud Pezeshkian) เน้นเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ในส่วนของการเฝ้าและหารือกับเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ “เชค ตะมีน บิน ฮะมัด อาล ษานี (His Highness Sheikh Tamim Bin Hamad Al-Thani)” ทรงแสดงความสนใจถึงความมั่นคงด้านอาหาร
ไทยเสนอรูปแบบการสั่งซื้ออาหารไทยโดยไทยจะเก็บและพร้อมส่งอาหารให้เมื่อต้องการอาหาร ซึ่งได้รับความสนใจจากหลายประเทศ ซึ่งหลังจากนี้จะให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามต่อไป
ดึงคูเวตร่วม “แลนด์บริดจ์”
ส่วนการหารือกับ นายเอมอมาลี เราะห์มาน (Mr. Emomali Rahmon) ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน กล่าวว่า เคยมาท่องเที่ยวพักผ่อนที่ภูเก็ต ชื่นชอบอาหารทะเลของไทยอย่างมาก เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อาหารทะเลไทยด้วย และการเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารและรองเจ้าผู้ครองรัฐคูเวต “เชค เศาะบาฮ์ อัลคอลิด อัลฮะมัด อัลมุบาร็อก อัศเศาะบาฮ์” (Sheikh Sabah Al-Khaled Al-Hamad Al-Mubarak Al-Sabah) ทรงแสดงความยินดีที่ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุม ACD ในปีหน้า ซึ่งเชิญชวนให้เข้าการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ด้วย
“พอใจกับผลงานครั้งแรกในการเข้าร่วมประชุมในเวทีระหว่างประเทศในครั้งนี้ ทุกประเทศให้ความสนใจและให้เวลาในการพูดคุยกับไทย รวมทั้งเร่งรัดความร่วมมือเศรษฐกิจ เทคโนโลยีด้านอาหาร ซึ่งจากนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสานต่อ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นการแสวงหาโอกาสและรายได้ให้กับประเทศไทย คนไทย ต่อไป” น.ส.แพทองธารกล่าว
คิวต่อไปเวทีอาเซียนครั้งแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการต่อไปของนายกรัฐมนตรี และคณะจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2567 ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว ในปี 2567 โดยมีแนวคิดหลัก “อาเซียน : เพิ่มทวีความเชื่อมโยงและความเข้มแข็งในอาเซียน” (ASEAN : Enhancing Connectivity and Resilience)
การประชุมครั้งนี้จะเป็นการเข้าร่วมประชุมในกรอบอาเซียนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนอกจากนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมประชุมหารือระหว่างผู้นำอาเซียนด้วยกันแล้ว ยังมีกำหนดจะเข้าร่วมการประชุมหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา
ได้แก่ จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย สหรัฐอเมริกา และแคนาดา รวมทั้งสหประชาชาติ เพื่อหารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การเสริมสร้างประชาคมอาเซียน การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก และสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สำคัญ
หารือนายกฯ-ปธ.สภาลาว
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารมีกำหนดการเข้าร่วมการหารือกับผู้แทนจากสมัชชารัฐสภาอาเซียน สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน และเยาวชนอาเซียน การประชุม Asia Zero Emission Community Leaders Meeting ครั้งที่ 2 และหารือทวิภาคีกับประเทศที่เข้าร่วมประชุมด้วย
โดยวันที่ 8 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบหารือกับ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว และนายไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติ สปป.ลาว รวมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างไทย-ลาว
โดยเฉพาะความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ หมอกควันข้ามแดน การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง การเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมความกินดี อยู่ดี ของประชาชนทั้งสองประเทศ
“อิ๊งค์” ติด 100 อันดับ TIME
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประชุม ACD Summit ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก นางสาวแพทองธารแสดงบทบาทผู้นำของประเทศไทยอย่างยอดเยี่ยม และเป็นที่ชื่นชมของผู้นำต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งมีผู้นำหลายประเทศมาขอร่วมถ่ายภาพด้วย
ล่าสุดนายกฯยังติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสาร TIME (Time 100 Next 2024) ในหมวดผู้นำ หลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิง อายุน้อยที่สุดในเอเชีย
ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ สานต่อความร่วมมือด้านการสร้างคลังอาหารกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับความมั่นคงทางอาหารต่อไปให้สำเร็จ รวมทั้งแสดงความพร้อมของไทยในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพเพื่อเป็นคลังอาหารให้แก่ทั้งสองประเทศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร
พาณิชย์สานต่อการเจรจา
“กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามข้อสั่งการของท่านนายกฯ ซึ่งได้เชิญชวนและแสดงความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นคลังอาหารให้กับประเทศตะวันออกกลาง โดยในการหารือทวิภาคีวงต่าง ๆ ระหว่างผมกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ก็ได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของไทยในการผลิตอาหารและการมีสินค้าฮาลาลคุณภาพสูง โดยประเทศต่าง ๆ มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย และใช้ไทยเป็นคลังอาหาร เพื่อจัดหาและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร” นายพิชัยกล่าว
“เศรษฐา” ชื่นชมนายกฯ
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แชร์คลิปและทวีตข้อความบนเอ็กซ์ หรือทวิตเตอร์ ชื่นชม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย Asia Cooperation Dialogue หรือ ACD ครั้งที่ 3 ว่า
“ครบถ้วนครับ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน อนาคตของทวีปเอเชีย ท่านนายกฯได้เปิดตัวเองในเวทีโลกอย่างสมศักดิ์ศรีของหนึ่งหญิงเดี่ยวในผู้นำที่เข้าประชุม ประเทศไทยไม่อายใครครับ”
ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ