นายกฯ หารือภาคเศรษฐกิจ รุดเสนอแผน-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประธานหอการค้า เสนอมาตรการ 3 ระยะ ชี้สิ่งสำคัญดิจิทัลวอลเลตแจก 10,000 บาท ต้องชัดเจน เชื่อมั่นเสถียรภาพรัฐบาล แนะกระทรวงเศรษฐกิจ-ภาคเอกชน ต้องประสานใกล้ชิดเพื่อดันจีดีพีให้ถึง 5%
วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่อาคารชินวัตร 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พบกับภาคเอกชนที่ขอเข้าหารือเพื่อสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจ และขอเสนอมาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเร่งด่วนในด้านต่าง ๆ โดยช่วงเช้าเวลา 10.00-11.00 น. เป็นสภาหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย-จีน เวลา 11.00-12.00 น. สภาอุตสาหกรรมไทย และเวลา 13.00-14.00 น. สมาคมธนาคารไทย
โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ร่วมวงหารือด้วย
น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวทักทาย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมคณะ ว่าสวัสดีทุกท่านอีกครั้ง ทราบว่ามีประชุมที่ จ.ร้อยเอ็ด เลยต้อง Cancel Plan มาที่นี่ แต่ต้องขอบคุณวันนี้ความจริงอยากให้มาแชร์กัน เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ทำได้แค่การเปิดพื้นที่และรับฟัง และอยากให้วันนี้เป็นวันที่ทุกท่านสามารถให้ความเห็น สามารถแนะนำอะไรที่อยากจะแชร์ทางด้านของสภาหอการค้าไทย สามารถแชร์ได้เลย เรามีทีมงานมาทั้งหมดช่วยรับฟัง วันนี้จะได้แบ่งปันความคิดเห็นกันในด้านต่าง ๆ
ด้านนายสนั่นกล่าวว่า ตนพร้อมด้วยคณะกรรมการทั้ง 12 ท่านและผู้อำนวยการหอการค้าไทย ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี ขอให้ท่านนายกฯ บริหารประเทศอย่างราบรื่น และทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน ก็ต้องขอขอบคุณที่นายกฯ ได้ให้เกียรติสภาหอการค้าไทย เพราะการมาเข้าพบในวันนี้การนำเสนอยังไม่ถึงกับสมบูรณ์ คงจะมีอะไรที่เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง
ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เสียดายที่เราติดอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ไม่สามารถจะไปร่วมงานดินเนอร์ แสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ แต่ก็ได้ติดตามวิสัยทัศน์ของท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างใกล้ชิด
นายสนั่นกล่าวอีกว่า สำหรับวันนี้หอการค้าไทยของเราเองอยากจะนำเสนอในการระดมความคิดจากเครือข่ายทั้งภาคเอกชนของเราทั่วประเทศภายใน 2 วันนี้มี 3 เรื่องเร่งด่วนเรื่องที่ 1.การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศทั้งในระยะสั้นกลางและระยะยาว
เรื่องที่ 2.การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs เพราะ 90% ของสมาชิกของเราเป็น SMEs ในจังหวัดต่าง ๆ เรื่องที่ 3.การวางยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน เพราะการพูดคุยกับชาวต่างประเทศ เขาอยากจะเห็นยุทธศาสตร์ของประเทศไทยไปในลักษณะอย่างไร
ซึ่งตนขอนำเสนอเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมั่นในประเทศและต่างประเทศ 5 เรื่องด้วยกัน 1.การกระจายงบประมาณด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 จัดทำงบประมาณปี 2568 ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดและให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งจ่ายงบประมาณที่อยู่ในแต่ละพื้นที่
2.กระตุ้นเศรษฐกิจไปยังประชาชน 3.กลุ่มโดยมุ่งไปยังกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้ทันต่อความต้องการของประชาชนกลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะคนละครึ่ง ช่วยเพิ่มกำลังซื้อและกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยการออกมาตรการดึงการจับจ่ายใช้สอยผ่านมาตรการภาษีอื่น ๆ
3.มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาด้วยการลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าไฟค่าน้ำมันและตรึงราคาสินค้าที่จำเป็นพิจารณาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ตามแต่ละประเภทให้ชัดเจน และให้สถาบันการเงินผ่อนผันค่าปรับการจ่ายหนี้ล่าช้าเพื่อบรรเทาภาระของประชาชน รวมถึงการจัดสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการปรับปรุงเงื่อนไขการชำระเงินค่าสินค้าให้รวดเร็ว โดยทำเป็น Supply Chain Finacing
นายสนั่นกล่าวต่อว่า 4.การกระจายอำนาจโดยออกมาตรการทางภาษีเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนในเมืองรองส่งเสริมการใช้โลโก้คอนเทนต์และสานต่อโครงการยกระดับเมืองสู่เมืองหลัก โดยมีเป้าหมาย 10 จังหวัดทั่วประเทศ และ 5.ปรับปรุงระเบียบที่มีอยู่ให้เอื้อต่อการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม นายสนั่นยังได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้หอการค้าเข้าพบ ซึ่งหอการค้าได้มีการทำการบ้านมาพอสมควรที่จะมานำเสนอเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
ซึ่งในเรื่องของระยะสั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องความชัดเจนของการจ่ายเงิน 10,000 บาท ในโครงการดิจิทัลวอลเลต และทางของการค้าเองก็คงจะมีการนำเสนอ นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งมาตรการเยียวยาที่ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งระยะกลางและระยะสั้นคงได้มีการพูดคุยกัน
ในส่วนของสินค้าเอสเอ็มอี ซึ่งปัจจุบันร้องกันทุกวันจึงควรจะมีมาตรการในการช่วยกันระหว่างรัฐกับเอกชนในการปกป้องเอสเอ็มอีให้ยืนอยู่ได้อย่างไรบ้าง เรามีข้อเสนอดี ๆ อีกทั้งก็อยากฟังทางนายกรัฐมนตรี จะเห็นด้วยประการใด อยากให้รัฐบาลมีมาตรการออกกฏหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ค้าจากต่างประเทศที่มีการทะลักเข้ามาของสินค้า
นายสนั่นกล่าวว่า เรื่องที่สำคัญเราจะมีการเสนอในการทำยุทธศาสตร์ ระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐว่าอนาคตของประเทศจะขับเคลื่อนไปอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) โตได้ร้อยละ 3 อย่างต่ำ และควรไปถึงได้ร้อยละ 5 ก็คงต้องขอความเห็นจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ด้านความเชื่อมั่นในสายตาของการค้าไทย มองเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายสนั่นกล่าวว่า เราดูว่าพรรคร่วมรัฐบาล น่าจะมีเอกภาพดี แต่การทำงานก็คงจะต้อง มีการประสานงานระหว่างกระทรวงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ควรต้องฟังเสียงสะท้อน และการนำเสนอของภาคเอกชน ซึ่งส่วนตัวถือว่าสิ่งนี้มีความสำคัญมากที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้อย่างยั่งยืน