เงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงถึงเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มอายุ 16-20 ปี โดยยืนยันว่าเงินดังกล่าวสามารถใช้ได้เฉพาะการซื้อสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเท่านั้น เช่น อาหาร เครื่องใช้ และไม่สามารถใช้จ่ายสำหรับบริการต่างๆ เช่น ค่าเทอม หรือค่าน้ำ-ค่าไฟ ขณะเดียวกัน ยังมีร้านค้าหลายกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เช่น ร้านขายสุรา ร้านขายบุหรี่ และสถานีน้ำมัน แต่ร้านค้าในสถานีน้ำมันยังสามารถเข้าร่วมได้บางส่วน

เงินดิจิทัล 10,000 บาท ใช้ซื้อสินค้าเท่านั้น
ในส่วนของเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปี นายเผ่าภูมิได้ย้ำว่า ผู้รับสิทธิ์จะไม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายในการบริการต่างๆ อย่างเช่น ค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ หรือค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ-ค่าไฟ โดยเงินที่ได้รับจะต้องนำไปใช้ซื้อสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเท่านั้น เช่น อาหาร เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยให้ผู้รับสิทธิ์สามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวกขึ้น

ร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ
นายเผ่าภูมิได้เปิดเผยว่า มีร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ประมาณ 8 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้านขายสุรา ร้านขายบุหรี่ รวมถึงสถานีน้ำมัน โดยทางกระทรวงการคลังยืนยันว่า การไม่มีรายการ Negative List หรือรายการสินค้าที่ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลนี้ซื้อได้ เป็นการออกแบบระบบที่เน้นความสะดวกในการใช้งานและลดความซับซ้อนให้กับประชาชน โดยประชาชนจะสามารถรู้ได้ง่ายว่าร้านไหนสามารถใช้เงินดิจิทัลได้และร้านไหนที่ไม่สามารถใช้ได้

การปรับปรุงระบบ Cash Out สำหรับร้านค้า
สำหรับขั้นตอนการเบิกเงินสดจากโครงการเงินดิจิทัล นายเผ่าภูมิได้กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ ร้านค้าในรอบที่ 2 จะสามารถเบิกเงินสด (cash out) ได้ แม้ว่าร้านนั้นจะไม่ได้อยู่ในระบบภาษี ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าขนาดเล็กที่ไม่ต้องเข้าเงื่อนไขที่ยุ่งยาก ร้านค้าขนาดเล็กจะสามารถรับเงินสดจากระบบได้โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากร้านค้าระบบภาษีที่มักจะได้รับการสนับสนุนเงินสดเฉพาะจากร้านค้าขนาดใหญ่

การบริหารจัดการโครงการที่ง่ายและเข้าใจได้
นายเผ่าภูมิได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การไม่มีรายการ Negative List ในระบบนี้จะช่วยให้การใช้จ่ายของประชาชนเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ซับซ้อน โดยผู้รับสิทธิ์จะไม่สับสนในกรณีที่ต้องเลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ การบริหารจัดการโครงการยังคำนึงถึงความสะดวกในการจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของร้านค้าเล็กหรือร้านค้าขนาดใหญ่