บอร์ดดีเอสไอ รับคดีฮั้วเลือก ส.ว. เป็นคดีพิเศษ ชี้เข้าข่ายฟอกเงิน

ในวันที่ 6 มีนาคม 2568 คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติสำคัญในการพิจารณาคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งมีการคัดเลือกสมาชิกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมติที่ประชุมเห็นว่าเหตุการณ์นี้มีลักษณะเข้าข่ายการฟอกเงินและกระทำความผิดทางอาญาอื่นๆ จึงให้รับเป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

พิจารณาคดีฮั้วเลือก ส.ว. เป็นคดีพิเศษ

ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 คณะกรรมการคดีพิเศษได้พิจารณาคดีความผิดทางอาญาในกรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งมีพฤติการณ์ไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม โดยมีการสืบสวนพบว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดในหลายประเด็น รวมถึงความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (การกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ) และ มาตรา 209 (การสมคบกันในการกระทำความผิด) รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งถือเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ อยู่แล้ว

การตัดสินใจของคณะกรรมการคดีพิเศษ

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการคดีพิเศษมีการลงมติรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) ของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยคะแนนเสียง 11 เสียงจากทั้งหมด 18 เสียงเห็นชอบให้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ ส่วนอีก 4 เสียงไม่เห็นชอบและมี 3 เสียงงดออกเสียง โดยคณะกรรมการระบุว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งสามารถพิจารณาตามกฎหมายพิเศษได้

ความสำคัญของการพิจารณาคดีนี้

การพิจารณาคดีฮั้วเลือก ส.ว. โดยคณะกรรมการคดีพิเศษครั้งนี้ ถือเป็นการตรวจสอบที่สำคัญ เนื่องจากการฟอกเงินเป็นอาชญากรรมที่สามารถกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและทำให้ความเชื่อมั่นในระบบการเมืองลดลง ซึ่งการกระทำดังกล่าวหากพบว่าเป็นความผิดจริง จะต้องได้รับการดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังและโปร่งใส

ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประชุม

การประชุมครั้งนี้มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ประธานกรรมการ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่รองประธานกรรมการ นอกจากนี้ยังมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม รวมทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญาและการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แม้ว่าจะมีกรรมการบางท่านที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้