อ.ปริญญาเปิดโปงเกม DSI กับ สว. เส้นทางโปร่งใสองค์กรอิสระไทย

ตามที่ อ.ปริญญา ได้เปิดเผยในรายการ THE STANDARD NOW ว่ากระบวนการเลือกตั้งองค์กรอิสระในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการต่อสู้เพื่อแบ่งอำนาจอย่างชัดเจน ระหว่าง DSI ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ กับชุด สว. ที่มีหน้าที่เห็นชอบรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดยมีคณะกรรมการสรรหาซึ่งกำหนดตามรัฐธรรมนูญเป็นผู้เสนอชื่อ ข่าวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความโต้แย้งว่า หน้าที่ดังกล่าวควรอยู่ในความรับผิดชอบของ กกต. เท่านั้น

บทบาทของ DSI กับ สว. ในกระบวนการตรวจสอบองค์กรอิสระ

DSI ถูกมองว่าเป็นหน่วยงานหลักในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในกระบวนการสมัครเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงว่า การเข้ามายุ่งเกี่ยวของ DSI ควรถูกจำกัดไว้ในกรอบของ กกต. เนื่องจากการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเลือกตั้งโดยตรง

ในทางกลับกัน ชุด สว. ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากคณะกรรมการสรรหาที่มีทั้ง ประธานศาลฎีกา และ ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้รับมอบหมายให้อนุมัติหรือปฏิเสธรายชื่อผู้สมัครเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ แนวทางนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นกลาง แต่ก็ถูกวิจารณ์อย่างดุเดือดว่าอาจเกิดการแบ่งข้างจาก “กลุ่มก้อน” ซึ่งส่งผลให้กระบวนการตัดสินใจถูกตีกรอบด้วยนโยบายหรือความคิดเห็นส่วนตัวที่มีแนวโน้มแบ่งฝ่ายทางการเมือง

ความท้าทายในการคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติ

ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ คณะกรรมการสรรหาซึ่งรวมถึง ประธานศาลฎีกา, ประธานศาลปกครองสูงสุด, ตัวแทนองค์กรอิสระ, ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับมอบหมายให้เสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ แต่กระบวนการนี้กลับถูกดึงเข้าสู่สนามรบทางการเมือง เมื่อมีการนำภาพถ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองมาเป็นหลักฐานประกอบการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งอาจบิดเบือนแนวคิดพื้นฐานของ “องค์กรอิสระ” ที่ควรดำเนินงานอย่างโปร่งใสและปราศจากอิทธิพลทางการเมือง

นอกจากนี้ อ.ปริญญา ยังเตือนในรายการ THE STANDARD NOW ว่าการตรวจสอบคุณสมบัติเช่นนี้มีแนวโน้มแบ่งข้างทางการเมืองและอาจทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการคัดเลือก ในขณะเดียวกัน ประเด็นที่เกี่ยวกับแพทย์สภาในบริบทของ คุณทักษิณ ชินวัตร ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นอีกปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อความสมดุลและความโปร่งใสในการแต่งตั้งองค์กรอิสระ

เส้นแบ่งระหว่างนโยบายและการเมืองในกระบวนการเลือกตั้ง

ความขัดแย้งในเรื่องบทบาทของ DSI กับชุด สว. ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการสอบสวนคดีอาญาเท่านั้น แต่ยังลึกซึ้งถึงเส้นแบ่งอำนาจตามรัฐธรรมนูญในกระบวนการเลือกตั้ง ความคิดเห็นจากพรรคต่าง ๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งคำถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญบางประเด็นควรผ่านการประชามติหรือไม่ อีกทั้งยังมีข้อกังวลจากฝ่ายที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมด้วยเหตุผลว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการแต่งตั้งตุลาการใน ศาลรัฐธรรมนูญ และ ศาลปกครองสูงสุด อาจถูกแทรกแซงด้วยอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลให้ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของสถาบันยุติธรรมถูกท้าทายอย่างรุนแรง

สู่เส้นทางปฏิรูปเพื่อความโปร่งใสและความเป็นกลาง

ความขัดแย้งระหว่าง DSI กับชุด สว. ในการเลือกตั้งองค์กรอิสระเผยให้เห็นจุดอ่อนในระบบเลือกตั้งไทยที่อาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือแบ่งแยกและต่อรองอำนาจทางการเมือง หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถรักษามาตรฐานความโปร่งใสและความเป็นกลางได้อย่างเข้มข้น ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันประชาธิปไตยจะถูกคุกคามอย่างรุนแรงเพื่อให้ระบบการแต่งตั้งองค์กรอิสระดำเนินไปอย่างยุติธรรม หน้าที่ของชุด สว. ควรถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ในขณะที่การคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมต้องผ่านกระบวนการคัดกรองที่ปราศจากการแบ่งข้างทางการเมือง ทั้งนี้ หน่วยงานอย่าง DSI ควรดำเนินการสืบสวนสอบสวนด้วยความเป็นกลางและมาตรฐานทางกฎหมายที่เข้มงวด