ส่งออกรถยนต์ปี 68 ทิศทางยังฝืด สงครามหลายคู่ยืดเยื้อ- “ทรัมป์” ขู่ขึ้นภาษี ป่วนเศรษฐกิจ ค้าโลกชะลอตัว เบื้องต้นเล็งเป้าปีหน้า 1.05 ล้านคัน ประธานหอการค้าฯ แนะค่ายรถขยายตลาดใหม่ ลดเสี่ยงสหรัฐขึ้นภาษีสูง จี้รัฐกำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ ป้องรถอีวีจีนถูกกีดกัน
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในส่วนของการผลิตเพื่อการส่งออกทั้งปีนี้ ได้ปรับลดเป้าหมายลงจาก 1.15 ล้านคันก่อนหน้า ลงเหลือทั้งปีที่ 1.05 ล้านคัน หรือลดลง 1 แสนคัน
ทั้งนี้รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยมานานหลายสิบปี ในปี 2566 มีมูลค่าการส่งออก 1.11 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.30% ของมูลค่าการส่งออกไทยในภาพรวม ขณะช่วง 10 เดือนแรกปี 2567 มีมูลค่าส่งออก 9.08 แสนล้านบาท ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 10.26% ของการส่งออกไทยในภาพรวม ตลาดส่งออก 5 อันดับแรกได้แก่ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และซาอุดีอาระเบีย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การปรับลดเป้าหมายการส่งออกรถยนต์ที่ลดลงในปีนี้ มีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ จากสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่ขยายวง และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ และมีทิศทางการยกระดับรุนแรงขึ้น กระทบต่อการส่งออกไปยังตลาดตะวันออกกลาง และยุโรป และกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการจับใช้สอย ทำให้คนต้องประหยัด จากยังไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ข้างหน้า
สำหรับการส่งออกรถยนต์ของไทยที่คาดจะลดลงเหลือระดับ 1.05 ล้านคันในปีนี้ ยังเป็นผลจากในปีที่ผ่านมาฐานตัวเลขการส่งออกสูง (ปีที่แล้วส่งออกได้ 1.117 ล้านคัน) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางกลุ่มฯตั้งใจจะตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 1.05 ล้านคัน เนื่องจากในปี 2566 ที่ส่งออกได้ 1.11 ล้านคัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานผลิตในไทยได้ผลิตทดแทนประเทศหนึ่งที่โรงงานมีปัญหาทำให้ผลิตไม่ได้
ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ