มาเลเซีย ยกระดับการท่องเที่ยว “ทัวร์ทุเรียน” ระดับพรีเมียม

การบริโภคในจีนซบเซาลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการสินค้าบางประเภทหดตัวลงไปด้วย แต่ไม่ใช่สำหรับตลาดผลไม้ โดยเฉพาะการส่งออก “ทุเรียนสด” ซึ่งประเทศอาเซียนต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดบริโภคทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างรายได้เข้าอาเซียนปีละหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้ปัจจุบันไทยจะยังเป็นเจ้าตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนมากที่สุด ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 65% ในปี 2566 ตามมาด้วยเวียดนามและฟิลิปปินส์ที่เริ่มพัฒนาทุเรียนจนมีคุณภาพใกล้เคียงไทยในราคาที่ถูกกว่า ล่าสุดมาเลเซียก็ลงสนามแข่งไล่ตามมาติดๆ ผุดไอเดียทำแพ็กเกจ “ทัวร์ทุเรียน” จับตลาดคนจีนที่ชื่นชอบทุเรียน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในประเทศ หลังจีนอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดจากมาเลเซียได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ในเดือนเดียวกันคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวมาเลเซียได้เปิดตัวแพ็กเกจท่องเที่ยว “ทัวร์ทุเรียน” Durian Tourism Packages 2024/2025 ประกอบด้วย 62 แพ็กเกจ โดยร่วมมือกับตัวแทนผู้ให้บริการทัวร์ท้องถิ่น 27 ราย ใน 12 รัฐ ได้แก่ Perlis, Kedah, Penang, Perak, Selangor, Melaka, Johor, Pahang, Kelantan และ Sabah เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ได้ชิมทุเรียนสดๆ จากสวนเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้เบื้องหลังการปลูกทุเรียนและดื่มด่ำประเพณีวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่น โดยทัวร์จะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 ถึงเดือนธันวาคม 2025

โดยแพ็กเกจมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 70 ริงกิตมาเลเซียต่อคน (40 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับแพ็กเกจทัวร์ทุเรียนในเมือง Relau รัฐ Kedah และมีราคาสูงสุดถึง 4,450 ริงกิตมาเลเซีย (960 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับแพ็กเกจเดินทาง 3 วัน 2 คืน ในเมือง Bentong Bilut Hills, รัฐ Pahang โดยนักท่องเที่ยวจะได้ชิมทุเรียนสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน และพักผ่อนในรีสอร์ตหรูท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ พร้อมด้วยกิจกรรมความบันเทิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมสวนทุเรียน เก็บเกี่ยวผลทุเรียน ชิมผลไม้ในท้องถิ่น เรียนทำอาหาร ล่องแก่ง ตลอดจนการตีกอล์ฟ ทั้งนี้การจัดแพ็กเกจ “ทัวร์ทุเรียน” ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น กระจายรายได้ให้กับเมืองรองที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยว และคาดว่ามาเลเซียจะสามารถสร้างรายได้จากยอดขายแพ็กเกจทัวร์ทุเรียนได้มากกว่า 2 ล้านริงกิตมาเลเซีย(15 ล้านบาท) ในปี 2024 และ 2025