ประเทศอินเดียเป็นตลาดศักยภาพสูงสำหรับธุรกิจเกือบทุกเซ็กเตอร์ เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งถึงปีละ 7%-8% มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งคนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยศักยภาพของตลาดที่เป็นโอกาสงาม ๆ บริษัทไหนตาดี มีความพร้อม และรุกเข้าไปไว ก็อาจจะคว้าโอกาสได้เป็นผู้นำของตลาดได้ไม่ยาก อย่างบริษัทไทยนามว่า บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกขึ้นรูป (Rigid Barrier Plastic Packaging) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ในเอเชีย และท็อป 5 ของโลก ที่เป็นผู้นำตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารในอินเดีย ณ ปัจจุบัน
รุกอินเดียโกยยอดเพิ่มปีละ 100%
เอกา โกลบอล เข้าสู่ตลาดอินเดีย เมื่อปี 2562 โดยจัดตั้งบริษัท เอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) จำกัด ซึ่งเอกา โกลบอล ถือหุ้น 100% เพื่อทำการตลาดและขายสินค้าในประเทศอินเดีย
ในช่วง 3 ปีแรก เอกาส่งสินค้าที่ผลิตในไทยไปขายในอินเดีย แต่เมื่อยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องทุกปี ในปี 2565 เอกาจึงยกระดับอีกขั้นโดยลงทุนตั้งโรงงานผลิตในอินเดีย เพื่อรองรับโอกาสในตลาดอินเดียอย่างเต็มสูบ โดยตั้งโรงงานในเมืองปุเณ (Pune) เมืองแห่งอุตสาหกรรม หัวหอกการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra)
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด กล่าวว่า ผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารในตลาดอินเดียของเอกาเติบโตต่อเนื่องราวปีละ 100% เมื่อเห็นยอดขายเติบโตดีจึงตัดสินใจตั้งโรงงานใหม่เพื่อขยายการผลิตรองรับความต้องการของตลาดเมื่อปี 2565 และโรงงานได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์เต็มกำลังการผลิต (Capacity) 300 ล้านชิ้นต่อปีแล้ว เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ทั้งนี้ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บริษัท เอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) จำกัด ลงทุนในอินเดียแล้ว รวมแล้วประมาณ 500 ล้านบาท
ชัยวัฒน์ นันทิรุจ
ตั้งเป้า 5 ปีขาย 2,400 ล้านรูปี แล้วเข้าตลาดหุ้น
ปัจจุบัน เอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) มีฐานลูกค้าเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและขนมหวานในประเทศอินเดียประมาณ 280 ราย ทั้งที่เป็นเอสเอ็มอีและเป็นบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง ชิตาเล (Chitale) โดยมีคำสั่งซื้อสูงเฉลี่ยมากกว่า 10,000 ชิ้นต่อเดือน ปีล่าสุดมียอดขาย 450 ล้านรูปี (ประมาณ 181 ล้านบาท)
ชัยวัฒน์ตั้งเป้าหมายให้เอกา อินเดีย มียอดขาย 900 ล้านรูปี (ประมาณ 360 ล้านบาท) ในปี 2568 และจะลงทุนซื้อเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพิ่มเติมภายใน 2 ปี เพื่อให้ใน 5 ปีข้างหน้ามียอดขายถึง 2,400 ล้านรูปี หรือประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท เท่ากับยอดขายของเอกา โกลบอล ในประเทศไทยในปัจจุบัน จากนั้นเมื่อบรรลุเป้า 5 ปีแล้ว ตั้งเป้าที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดีย ขณะที่บริษัทแม่ในไทยก็ตั้งเป้าที่จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไทยด้วยเช่นกัน
บุกเบิกตลาดที่อินเดียไม่เคยมี
ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ฉายภาพอีกว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกขึ้นรูปเพื่อยืดอายุอาหารในอินเดียนั้นยังใหม่มาก ตลาดของผลิตภัณฑ์นี้ไม่เคยมีมาก่อน เอกาเป็นผู้เข้ามาบุกเบิก เป็นรายแรกที่นำเสนอการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Barrier Packaging) ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยยืดอายุสินค้าให้ลูกค้าได้ จึงได้รับการตอบรับดีและเติบโตอย่างรวดเร็ว
“เป็นโจทย์ของลูกค้าอยู่แล้วที่ต้องการแพ็กเกจจิ้งที่ยืดอายุการเก็บรักษา (Shelf Life) ได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ ซึ่งเอกาเข้ามาแก้ Pain Point ให้ลูกค้า ถ้ายืดอายุสินค้าให้อยู่ได้ 3 เดือน ก็ไม่ต้องคืนสินค้าบ่อย ๆ และสามารถส่งไปขายข้ามรัฐได้ด้วย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศใหญ่ และการเดินทางต้องใช้เวลา การส่งสินค้าไปขายข้ามรัฐต้องใช้เวลามาก”
นอกจากขายบรรจุภัณฑ์แล้ว เอกายังมีการข่ายแผ่นพลาสติกหรือพลาสติกชีทสำหรับลูกค้าที่นำไปขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์เองด้วย ซึ่งรายได้ในส่วนการขายแผ่นชีทนี้อยู่ที่ปีละประมาณ 100 ล้านบาท เป็นรายได้ของบริษัทแม่ในประเทศไทย เนื่องจากแผ่นพลาสติกดังกล่าวยังต้องส่งออกจากโรงงานของ เอกา โกลบอล ในประเทศไทย ส่วนโรงงานในอินเดียยังไม่มีเครื่องรีดแผ่นพลาสติก แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามีแผนจะซื้อเครื่องจักรรีดแผ่นพลาสติกเพื่อให้สามารถผลิตชีทในอินเดียได้
เร่งขยายคว้าโอกาสมหาศาล
“อินเดียเป็นตลาด S curve เหมือนประเทศไทยเมื่อ 8-10 ปีที่แล้ว ยอดขายโตปีละ 100% เป็นตลาดอินโนเวชั่น พึ่งพาการขายในประเทศเป็นหลัก ไม่ได้พึ่งพาการส่งออก กำลังการซื้อในประเทศอินเดียตอนนี้แข็งแรงมาก”
อย่างไรก็ตาม ชัยวัฒน์บอกว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารในอินเดียเป็นตลาดใหม่ที่ยังไม่เคยมีการวิจัยมูลค่าตลาด ดังนั้น จึงยังระบุมูลค่ายาก คาดว่าปัจจุบันตลาดบรรจุน่าจะมีมูลค่าประมาณปีละ 1,000 ล้านรูปี หรือมากกว่ายอดขายเอกาประมาณ 1 เท่าตัวเท่านั้น
“เอกาถือเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดนี้ ไม่ใช่คนเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งตลาด และตลาดจะใหญ่แค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเอกาขยายกำลังการผลิตได้เร็วแค่ไหน ขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าของเอกาด้วยว่าโปรดักต์ของเขาขยายการผลิตเร็วแค่ไหน อย่างเช่น ในปีนี้ ชิตาเลขยายการผลิตเท่าตัว แพ็กเกจจิ้งขอเอกาก็ต้องขยายตามดีมานด์ของลูกค้า” ซีอีโอเอกา โกลบอลกล่าว
ชัยวัฒน์ นันทิรุจ และวิเวก โชกูเล
เหตุผลเลือกเมืองปุเณ
สำหรับเหตุผลที่เลือกตั้งโรงงานเอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) ในเมืองปุเณ รัฐมหาราษฏระ ชัยวัฒน์อธิบายว่า วิเวก โชกูเล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) จำกัด กำลังหลักของเอกาในอินเดียอาศัยอยู่ในรัฐนี้ และมีความคุ้นเคยกับการทำการตลาดในรัฐนี้ ซึ่งเป็นรัฐที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอินเดียด้วย บริษัทจึงเริ่มทำการตลาดและตั้งสำนักงานในรัฐนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลของมหาราษฏระมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ดี ให้สิทธินักลงทุนต่างชาติซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ในราคาถูกมาก ๆ โดยไม่ต้องมีคำมั่นสัญญาว่าจะลงทุนภายในกี่ปี และให้หักภาษีสินค้าและบริการ (GST) ในส่วนที่ต้องจ่ายเข้ารัฐบาลของรัฐได้เท่าจำนวนเงินลงทุนภายใน 10 ปี กล่าวคือในช่วง 10 ปีแรกไม่ต้องจ่ายภาษีรัฐบาลแห่งรัฐ (อัตราปกติอยู่ที่ 9%) จ่ายเพียงภาษีรัฐบาลกลางในอัตรา 9%
ส่วนเหตุผลที่เลือกเมืองปุเณนั้น เพราะปุเณเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมอันดับ 1 ของรัฐและอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลของรัฐกำลังโปรโมต มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของรัฐ เป็นรองเพียงมุมไบที่เป็นเมืองหลวงของรัฐและศูนย์กลางการเงินของประเทศ ปุเณเป็นเมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมอยู่แล้ว อีกทั้งอยู่ใกล้ซัพพลายเออร์ของบริษัท จึงเป็นเมืองที่เหมาะสมในหลายด้าน
บริษัท เอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) จำกัด ในเมืองปุเณ
ส่วนด้านความท้าทายของการทำธุรกิจอินเดียนั้น ชัยวัฒน์กล่าวว่า การจะรู้จักและหาพันธมิตรในอินเดียได้นั้นค่อนข้างยาก และอีกความท้าทายคือ ไม่มีศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) การจะขอใบอนุญาตต่าง ๆ ต้องขอเองแยกตามหน่วยงานที่กำกับดูแล ซึ่งจำเป็นต้องใช้บุคลากรชาวอินเดีย ต่างจากในไทยที่นิคมอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ มีศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ
มั่นใจตลาดโตดีไม่มีร่วง
ชัยวัฒน์ฉายภาพกว้างของบรรจุภัณฑ์ถนอมอาหารทั่วโลกว่า เทรนด์ยังเติบโตดีต่อเนื่อง เพราะลูกค้าคาดหวังอาหารที่มีความสะอาดและปลอดภัย ซึ่งบริษัทเจ้าของแบรนด์อาหารล้วนต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมเพื่อจะทำให้โปรดักต์ของตนมีมูลค่ามากขึ้นกว่าการขายอาหารบรรจุกระป๋องและถุงเพาช์แบบเดิม ขณะที่ตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเอกา โกลบอล บริษัทแม่ในไทยเป็นผู้นำตลาดนี้ในระดับโลกนั้น ก็มั่นใจว่าจะเติบโตดีตามเทรนด์ความนิยมการเลี้ยงสัตว์และการจ่ายเงินเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดี
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าภาพรวมของทั้งเอกาแพค โกลบอล (อินเดีย) และเอกา โกลบอล จะเติบโตได้ดีตามเป้า
ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ