“เอกนัฏ” ดึงกฎหมาย 2 ฉบับ สมอ. และ สคบ. ปราบสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐาน โฆษณาขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องแสดงรายละเอียดสินค้า เครื่องหมาย มอก. และ QR code ฝ่าฝืนโทษสูงสุดปรับ 2 ล้าน จำคุก 2 ปี เอาผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้โฆษณา และผู้จำหน่าย
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าบูรณาการการทำงานแบบทวีคูณ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทยจากการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งหลังจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) หารือกับทาง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จึงเตรียมยกระดับการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐาน สร้างความเป็นธรรมในตลาดการค้าให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย เพื่อให้แข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก และขยายการส่งออกสินค้าไทยผ่าน e-Commerce
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 สมอ.ได้หารือกับ สคบ. บูรณาการความร่วมมือยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เพื่อควบคุมสินค้านำเข้าภายใต้มาตรฐานบังคับทั้ง 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้า 308 รายการ
ที่โฆษณาจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องแสดงรายละเอียดสินค้า เครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และ QR code ให้เห็นชัดเจนตามที่กำหนด หากฝ่าฝืน ผู้นำเข้า ผู้โฆษณา และผู้จำหน่ายต้องได้รับโทษ กรณีผู้นำเข้าไม่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี
หากเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต แต่ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนผู้โฆษณาและผู้จำหน่ายมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่าสินค้านำเข้าในหมวด 144 มาตรฐาน 308 รายการ ที่จำหน่ายในประเทศทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ไม่แสดงรายละเอียดสินค้า เครื่องหมายมาตรฐาน และ QR code จะเอาผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้โฆษณา และผู้จำหน่ายขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น
นอกจากนี้ ยังได้หารือในประเด็นการบังคับให้ผู้นำเข้าต้องจัดทำคู่มือการใช้งานของสินค้าที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภค โดย สมอ. และ สคบ. อยู่ระหว่างร่วมกันบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อบังคับให้ผู้นำเข้าต้องจัดทำคู่มือการใช้งานภาษาไทย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนโดยเร็วต่อไป
ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ