ปรับลดกรอบเงินเฟ้อ ปี’67 หลัง Q3 โตต่ำ 0.60%

  • ECONOMY
  • ตุลาคม 8, 2024

สนค. เผยตัวเลขเงินเฟ้อไทย เดือนกันยายน 2567 สูงขึ้น 0.61% จากราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้น ผักสดได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ขณะที่ ราคาน้ำมันโลกลดลง-เงินบาทแข็งค่า ปรับกรอบเงินเฟ้อใหม่อยู่ที่ 0.2-0.8% จากเดิม 0.0-1.0% ย้ำ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทไม่กระทบต่อเงินเฟ้อไทย

วันที่ 7 ตุลาคม 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยถึง ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ของไทย เดือนกันยายน 2567 พบว่า เท่ากับ 108.68 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 0.61% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยปัจจัยสำคัญมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งสูงกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน รวมถึงผักสดบางชนิดได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เพาะปลูก อย่างไรก็ตาม ราคาแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซินปรับลดลงในทิศทางที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

ทั้งนี้ สนค.ยังได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 จากเดิมระหว่าง 0.0-1.0% ค่ากลางอยู่ 0.5% เป็นระหว่าง 0.2-0.8% ค่ากลางอยู่ที่ 0.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ที่แข็งค่าขึ้นจากเดิม 36 บาทต่อเหรียญสหรัฐกลับมาอยู่ในที่ 34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ รวมไปถึงราคาน้ำมันซึ่งปรับลดลงจาก 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลงมาอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลด้วย

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนสิงหาคม 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้น 0.35% ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 5 จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว)

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่สูงขึ้น 0.61% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้

หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 2.25 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด (ต้นหอม ผักกาดขาว ผักคะน้า พริกสด ผักชี มะเขือ กะหล่ำปลี) ผลไม้สด (เงาะ กล้วยน้ำว้า มะม่วง แตงโม ทุเรียน ฝรั่ง กล้วยหอม) ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว นมสด และไข่ไก่

กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) อาหารตามสั่ง กับข้าวสำเร็จรูป) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) กะทิสำเร็จรูป) ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ส้มเขียวหวาน ปลาทู น้ำมันพืช หัวหอมแดง กระเทียม และไก่ย่าง เป็นต้น

หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.55 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน) กลุ่มเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) และกลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ลิปสติก แป้งผัดหน้า น้ำยาบ้วนปาก) อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน ค่ารถรับส่งนักเรียน ค่าโดยสารเครื่องบิน และค่าแต่งผมบุรุษและสตรี เป็นต้น

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.77% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคม 2567 ที่สูงขึ้น 0.62% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนกันยายน 2567 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 ลดลงร้อยละ 0.10 (MOM) ตามการลดลงของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.36 ปรับลดลงตามราคาแก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาด (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน)

และของใช้ส่วนบุคคล (ยาสีฟัน ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แป้งผัดหน้า แชมพู) สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ น้ำยาระงับกลิ่นกาย สบู่ถูตัว โฟมล้างหน้า และน้ำหอม เป็นต้น ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 0.25 ตามการสูงขึ้นของผักสดบางชนิด อาทิ ต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว มะนาว และหัวหอมแดง ผลไม้บางชนิด อาทิ แตงโม มะม่วง และชมพู่ รวมทั้งข้าวสารเจ้า และข้าวสารเหนียว

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาปรับลดลง อาทิ มะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง เงาะ ลองกอง มังคุด ทุเรียน องุ่น ไก่ย่าง และน้ำมันพืช

นายพูนพงษ์ กล่าวอีกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 สูงขึ้น 0.60% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สูงขึ้น 0.21% (QOQ) ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เฉลี่ย 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 สูงขึ้น 0.20% (AOA)

ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 4 ปี 2567 มองว่าเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 1.49% มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ปี 2567 โดยปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น ได้แก่

(1) ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (2) ผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำท่วมในบางพื้นที่ อาจสร้างความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตร ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผักสดปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น และ (3) สินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาค่าโดยสารเครื่องบิน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่สอดคล้องกับฤดูกาลท่องเที่ยว

ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ (1) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า (ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ระดับใกล้เคียงกับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) ซึ่งส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ปรับตัวลดลง (2) การแข็งค่าของเงินบาททำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง
ที่มีสัดส่วนในตะกร้าเงินเฟ้อสูง

และ (3) คาดว่าผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาครัฐได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกไปแล้ว

นายพูนพงษ์ กล่าวย้ำว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงิน 10,000 บาทให้กับประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ในวงเงิน 1.45 ล้านบาท สนค. ได้สำรวจจำนวนร้านค้า 133 ร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งร้านข้าวสาร ร้านเนื้อสุกร ร้านไข่ไก่ ร้านไก่สด ร้านผลไม้ หรือแม้กระทั่งร้านขายของชำ พบว่า มีประชาชนเข้าไปจับจ่ายซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในการซื้อ-ขายสินค้า ในหลายพื้นที่ และย้ำว่าจากมาตรการดังกล่าว ไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามดูแล เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด รวมไปถึงต้นทุนด้วย และย้ำว่าจากมาตรการนี้ไม่ได้มีผลกระทบให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติ

author avatar
CatchUp

Related Posts

  • ECONOMY
  • มกราคม 22, 2025
  • 3 views
ก.พ. 68 เพิ่มสลากดิจิทัลอีก 1 ล้านใบ ให้ผู้ซื้อเข้าถึงราคาที่เป็นธรรม

พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการส…

  • ECONOMY
  • มกราคม 22, 2025
  • 4 views
“ทรัมป์” พาสหรัฐถอนตัวจากความตกลงปารีส ทำกองทุนโลกสะดุด

เกิดอะไรขึ้นเมื่อ โดนัลด์ ทรัม…

You Missed

“ดีเอสไอ” อนุมัติให้ทำการสืบสวน “คดีแตงโม” ตกเรือแล้ว

  • มกราคม 22, 2025
  • 1 views
“ดีเอสไอ” อนุมัติให้ทำการสืบสวน “คดีแตงโม” ตกเรือแล้ว

หนุ่มขับชนไรเดอร์ได้ประกัน เมียรับศพ แกะมือที่กำแน่น บอกไม่ต้องแค้นเขาแล้ว

  • มกราคม 22, 2025
  • 5 views
หนุ่มขับชนไรเดอร์ได้ประกัน เมียรับศพ แกะมือที่กำแน่น บอกไม่ต้องแค้นเขาแล้ว

‘ซีเกท’ เผยรับอานิสงส์ ‘AI’ จากดีมานด์ ’สตอเรจ’ พุ่ง

  • มกราคม 22, 2025
  • 2 views
‘ซีเกท’ เผยรับอานิสงส์ ‘AI’ จากดีมานด์ ’สตอเรจ’ พุ่ง

5 ตลาดธุรกิจ LGBTQ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้

  • มกราคม 22, 2025
  • 5 views
5 ตลาดธุรกิจ LGBTQ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้

ศาลอาญาสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสน ทนายเดชา หมิ่น”อาจารย์อ็อด”

  • มกราคม 22, 2025
  • 2 views
ศาลอาญาสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสน ทนายเดชา หมิ่น”อาจารย์อ็อด”

ก.พ. 68 เพิ่มสลากดิจิทัลอีก 1 ล้านใบ ให้ผู้ซื้อเข้าถึงราคาที่เป็นธรรม

  • มกราคม 22, 2025
  • 3 views
ก.พ. 68 เพิ่มสลากดิจิทัลอีก 1 ล้านใบ ให้ผู้ซื้อเข้าถึงราคาที่เป็นธรรม