CEO ระดับโลก กว่า 200 ราย ตัดสินใจวางตำแหน่งในปี 67 โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีที่มีตัวเลขสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 50% ท่ามกลางแรงกดดันจาก AI และการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากนักลงทุน
ปรากฏการณ์ “การลาออกครั้งใหญ่” กำลังเกิดขึ้นในระดับผู้บริหารสูงสุดขององค์กรระดับโลก เมื่อบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ Russell Reynolds Associates เปิดเผย ตัวเลขที่น่าตกใจ – ซีอีโอ 202 รายตัดสินใจวางมือจากตำแหน่งในปี 2567 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 6 ปีที่ผ่านมาถึง 13%
ที่น่าสนใจคือ “ภาคเทคโนโลยี” ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีซีอีโอถึง 40 รายที่ต้องพ้นตำแหน่ง สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 50% สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายมหาศาลที่ผู้นำองค์กรต้องเผชิญในยุคที่ AI กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรม
Margot McShane ผู้บริหารระดับสูงของ Russell Reynolds ให้ความเห็น ว่า การเป็นซีอีโอวันนี้เหมือนการเดินในดินแดนที่ไม่มีใครเคยย่างกรายมาก่อน สะท้อนความยากลำบากที่ผู้นำองค์กรต้องเผชิญในการนำพาบริษัทฝ่าคลื่นความเปลี่ยนแปลง
แรงกดดันไม่ได้มาจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว นักลงทุนนักเคลื่อนไหวก็มีบทบาทสำคัญ โดยในปีที่ผ่านมาพวกเขาผลักดันให้ซีอีโอ 27 รายต้องพ้นตำแหน่ง เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าเมื่อเทียบกับปี 2563 ตามข้อมูลจาก Barclays
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกการลาออกที่เกิดจากแรงกดดัน รายงานระบุว่าเกือบ 25% ของการลาออกในปี 2567 เป็นส่วนหนึ่งของแผนสืบทอดตำแหน่งที่วางไว้ล่วงหน้า คณะกรรมการกำลังมองไปข้างหน้าและเตรียมความพร้อมให้กับผู้นำรุ่นต่อไป Helle Bank Jorgensen ผู้ก่อตั้ง Competent Boards กล่าว
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของซีอีโอกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ความท้าทายที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งการปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี
การตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุน และการนำองค์กรในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กำลังทำให้ตำแหน่งผู้นำสูงสุดขององค์กรกลายเป็น “เก้าอี้ร้อน” ที่ท้าทายยิ่งกว่าที่เคย
ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ,
ibcon
