ธนาคารกลางปากีสถาน (SBP) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% สู่ระดับ 12% ในวันจันทร์ (27 ม.ค.) เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องเพิ่มขึ้นให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก
จามีล อาห์หมัด ผู้ว่าการ SBP กล่าวในการแถลงข่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและสถานการณ์เศรษฐกิจอื่น ๆ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 ซึ่งขณะนั้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 22% ส่งผลให้ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้วถึง 10% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ผู้ว่าการได้เน้นย้ำแนวโน้มเชิงบวกเกี่ยวกับการส่งเงินกลับประเทศ (remittances) และคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับตัวลงอีกในเดือนม.ค. หลังจากปรับลดลงสู่ระดับ 4.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนธ.ค. 2567
อาห์หมัดกล่าวว่า “หากพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ เราจึงดำเนินการอย่างระมัดระวัง” และเสริมว่า การส่งออกและการส่งเงินกลับประเทศเป็นไปได้ด้วยดี เช่นเดียวกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่สามารถจัดการได้
ในส่วนของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (FX) อาห์หมัดได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายของธนาคารกลางในการบรรลุเป้าหมายที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 2568 แม้มีเงินไหลเข้าเพียงเล็กน้อยและต้องชำระคืนหนี้จำนวนมากก็ตาม
SBP ได้เน้นย้ำในแถลงการณ์ฉบับต่อมาถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลง อันเกิดจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อยู่ในระดับปานกลาง การปรับตัวดีขึ้นด้านอุปทาน และราคาที่สูงในอดีตช่วยให้ราคาในปัจจุบันดูต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกัน
นอกจากนี้ MPC ยังเน้นย้ำข้อกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ที่ยังคงสูงอยู่ แม้ว่าโดยรวมแล้ว แรงกดดันด้านราคาผ่อนคลายลงแล้วก็ตาม
แถลงการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงสถานการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งได้แก่ การเติบโตของ GDP ที่อยู่ในระดับต่ำ บัญชีเดินสะพัดเกินดุลในเดือนธ.ค. 2567 รายได้ภาษีที่ต่ำกว่าเป้าหมาย และความผันผวนของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
จากความเป็นไปเหล่านี้ MPC เล็งเห็นว่า จำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินที่ระมัดระวังเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา ไปพร้อมกับสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ข้อมูล/ภาพ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
