ในยุคที่มื้อบุฟเฟ่ต์ไม่ใช่แค่เรื่อง “อิ่มไม่อั้น” แต่กลายเป็นสนามแข่งของ “ความคุ้มค่า” และ “ประสบการณ์เหนือราคา” ตลาดบุฟเฟ่ต์ไทยปี 2024–2025 กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พร้อมด้วยการแข่งขันด้านราคา วัตถุดิบพรีเมียม และบรรยากาศที่ต้อง “สวยพร้อมถ่ายรูป” ผู้ประกอบการไม่สามารถแข่งกันแค่โปรโมชันแรงได้อีกต่อไป แต่ต้องออกแบบกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ทั้งฝั่งแมสที่ต้องคุ้มราคา และฝั่งพรีเมียมที่ต้องได้ประสบการณ์คุ้มค่าในทุกมิติ
สงครามครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่ผู้ชนะเรื่องราคา — แต่เป็นสนามประลองของใครจะเข้าใจ “ใจ” ลูกค้าได้ลึกที่สุด.
ภาพรวมตลาดบุฟเฟ่ต์ไทย
- ธุรกิจร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2025 ตลาดร้านอาหารโดยรวมคาดมีมูลค่า 572,000 ล้านบาท เติบโต 5–7% จากปีก่อน โดยบุฟเฟ่ต์ยังเป็นกลุ่มที่โตได้อย่างโดดเด่น
- ส่วนเฉพาะ “ร้านอาหารแบบ Full Service” มีมูลค่าตลาดสูงถึง 213,000 ล้านบาท เติบโต 2.9% และบุฟเฟ่ต์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนหลัก
พฤติกรรมผู้บริโภคไทย
- ตั้งแต่ปี 2022 พบว่าคำค้นหาคำว่า “บุฟเฟ่ต์” บน Google มีมากกว่า 10 ล้านครั้งต่อปี และหลังการคลายล็อกดาวน์ มียอดการค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 430%
- กลุ่มลูกค้าเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม: ไม่เน้นอิ่มจนจุก แต่โฟกัสความหลากหลายเมนู/ประสบการณ์ รสนิยมอาหารที่ต่างกันและ “ถ่ายรูปสวย” กลายเป็นปัจจัยสำคัญ
- บุฟเฟ่ต์ไม่ใช่แค่เรื่องกินพุงแตก แต่คือเรื่องการสังสรรค์ในโอกาสพิเศษ—จัดงานเลี้ยง ปาร์ตี้ ครบเครื่อง ได้ราคาชัดเจน สะดวกในการคุมต้นทุน
แผนผัง “สงครามราคา”
- จาก Social Listening พบว่า บุฟเฟ่ต์ในไทยมีอยู่ 6 ช่วงราคา:
- ไม่เกิน 99 บาท – ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง
- 100–399 บาท – บุฟเฟ่ต์ราคาประหยัด
- 400–899 บาท – ระยะกลาง กินในห้าง รวมขนมหวาน
- 900–1,599 บาท – ระดับพรีเมียม, ซีฟู้ดจัดเต็ม
- 1,600–2,999 บาท – บุฟเฟ่ต์พรีเมียมพ่วงห้องพักหรือห้องอาหารโรงแรม
- 3,000 บาทขึ้นไป – Buffet ซุปเปอร์พรีเมียม/ห้องไพรเวท/วากิว/อูนิ
- กลไกตลาด: ช่วงราคา 400–899 บาท เป็นที่นิยมที่สุด (จับกลุ่มแมส), ช่วงราคาพรีเมียม (900–1,599 บาท) แม้มีน้อยแต่ยังมีฐานลูกค้าพร้อมจ่ายเพื่อคุณภาพสูง
แมทช์แนว “International Buffet vs. BBQ & Shabu”
- บุฟเฟ่ต์นานาชาติ (International Buffet) มาแรงที่สุด คิดเป็น 23.7% ของคำค้นหา สูงกว่า Korean BBQ (20.2%) และ Shabu Buffet (15.4%)
- ฝั่ง BBQ/Shabu ระดับแมส ราคาไม่เกิน 300–400 บาทขยายสาขารวดเร็ว แต่ตลาดพรีเมียมเริ่มอิ่มตัว จึงมีสาขาใหม่ลดลง
- ขณะเดียวกัน แนวพรีเมียม/อาลาคาร์ท (A la carte Buffet) เติบโตในกลุ่มลูกค้าต้องการวัตถุดิบดี เช่น วากิว ฟัวกราส์ อูนิ ฯลฯ
🏨 บทบาทโรงแรม – แนว Staycation + Buffet
- โรงแรมหลายแห่งสร้างจุดแตกต่างด้วย ‘Buffet นานาชาติ’ เน้นสีสัน การตกแต่ง และประสบการณ์ “นั่งกิน-นอนโรงแรม” เป็นแพ็กเกจ Staycation สร้าง Engagement กับผู้บริโภคที่โหยหาปัจจัยพรีเมียมในราคาคุมได้
🛠 กลยุทธ์ผู้ประกอบการ
- ระบบจองล่วงหน้า + รับมัดจำ – ลดความผิดพลาด, บริหารโต๊ะได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้ดี
- ประสบการณ์ (Experience) – ลูกค้าในกลุ่ม premium และสายถ่ายภาพต้องการ Visual appeal เช่น Food station, Live station และการตกแต่งร้าน (experience-centric).
- วัตถุดิบพรีเมียม “ชูจุดขาย” – ยกเรื่อง USDA Prime, foie gras, uni, ทรัฟเฟิลเข้ามาขายในแบบ buffet ได้ผลดึงดูดฐานคนชอบกินของแพง แต่ยังจับต้องได้
- สร้างความยืดหยุ่นทางราคา – โปรโมชันลด แลก แจก แถม—ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน
- บริการที่หลากหลาย (Personal Touch) – ให้เลือกทั้งสั่งแบบเสิร์ฟ, ตักเอง, มีพนักงานเดินเสิร์ฟ เติมเต็มความต่างให้ลูกค้ารู้สึก “ถูกใจ”
ความเสี่ยงภาคธุรกิจ
- ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น (ค่าแรงขั้นต่ำปี 2568), วัตถุดิบแพงไม่แน่นอน, เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่เต็มที่ — กำลังซื้อเริ่มหด
- คู่แข่งเพิ่มทุกสัปดาห์ แบรนด์ใหม่อาจเกิดไวแต่ดับไว — ผู้เล่นเก่าต้องอัปเดต 3C: Cost, Capex, Cash Flow, ยกระดับแบรนด์และสร้างนวัตกรรม
เทรนด์ขยาย “SWAG” เพิ่มเติม 2025
- Snackification – กินง่าย เติมวัตถุดิบโปรตีนสูง (เช่น เวย์, ถั่ว, เต้าหู้) ดึงฐานสุขภาพ
- Savory-Sweet Fusion – ผสมผสานรสหวานคาว สร้างความแตกต่าง เช่น เมนูไทย twist, ไวน์, สาเก – อาหาร pairing ใน casual buffet bar เพิ่มมูลค่า
ตัวอย่างแบรนด์ดังในปี 2024–2025
จากรีวิวของ Eatigo (จัดอันดับปี 2025) ร้านบุฟเฟ่ต์ระดับบนที่น่าสนใจ เช่น
- Goji Kitchen & Bar – บุฟเฟ่ต์อินเตอร์หลายชาติ, live station เนื้อ & ซีฟู้ด
- Phraya Kitchen – ซีฟู้ดวอลล์ วัตถุดิบตามฤดูกาล
- The Dining Room – อยู่ในโรงแรม บรรยากาศหรู เชฟโชว์
- Rain Tree Café – บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน (1,200 บาท) และเย็น (1,600 บาท) มีโซนหลายธีม
สรุปเชิงวิเคราะห์
ปัจจัย | แนวโน้ม / กลยุทธ์ |
ประเภทบุฟเฟ่ต์ | แมส (300–900 บาท): ดีลราคาดึงคนกลุ่มใหญ่ / พรีเมียม (900–3,000+ บาท): ดึงกลุ่มคนสายคนชอบแต่งตัว, premium ingredients, dining experience |
การแข่งขัน | เพิ่มขึ้น รายใหม่เกิดเร็ว แต่ตายไว – ต้องสร้างจุดขายชัดเจน |
ราคา | ยืดหยุ่นสูง มีโปรฯ อัดใจ • มุ่งสร้างประสบการณ์และภาพลักษณ์ (experience & visuals) |
กลยุทธ์ธุรกิจ | ระบบจองล่วงหน้า, จัดการโต๊ะ, บริการหลากหลาย, partnerships โรงแรม/แอปฯจองอย่าง Hungry Hub |
ปัจจัยเสี่ยง | ต้นทุนวัตถุดิบ, ค่าแรง, กำลังซื้อผันผวน, คู่แข่งอัดโปรฯ ดุ ดึงคนเข้าร้าน |
ข้อเสนอแนะ
- จับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ – แมสหรือพรีเมียม ต้องชัดเจนทั้งราคาและภาพลักษณ์
- สร้าง Differentiator Experience – ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบระดับพรีเมียม, food station ที่ interact หรือ บรรยากาศเก๋ๆ ถ่ายรูปสวยทุกมุม
- เครื่องมือร้านค้าแข็งแรง – ระบบจองออนไลน์/โปรฯ/มัดจำ ต้องลื่นไหล ลด friction
- ปรับเมนูสุขภาพให้ร่วมสมัย – เพิ่มตัวเลือกโปรตีน, ซูเปอร์ฟู้ด, หรือ pairing with drinks เช่น ชา, สาเก
- วางแผนบริหารต้นทุน – บริหาร food cost, ลด spoilage, เห็นเงินสดเข้า-ออกชัด
🎯 บทสรุปท้ายบทความ
สงครามตลาดบุฟเฟ่ต์ไทย 2024–2025 เป็น “สงครามราคา X ประสบการณ์” ผู้ประกอบการไม่สามารถแข่งกันแค่ถูกอย่างเดียว แต่ต้องแข่งขันด้วย ความคุ้มค่าในมุมมองของลูกค้า—ซึ่งอาจหมายถึงอาหารคุณภาพ ประสบการณ์กินที่แปลกใหม่ บรรยากาศถ่ายรูปสวย หรือแม้แต่ health-oriented menu ดังนั้น มิติของ “สงคราม” คือการวาง positioning ให้ชัดเจน รู้จักจับ niche ของลูกค้ากลุ่มต่างๆ พร้อมจัดระบบหลังบ้านให้เซียน ตอบรับ trend ภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
