60 ปีไม่ใช่จุดสิ้นสุด! ธุรกิจค้าปลีกเปิดบ้านรับ ‘วัยเก๋า’ โอกาสใหม่พร้อมประสบการณ์

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ อย่างเต็มตัว จากสัดส่วนประชากรกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรนี้นำมาซึ่งความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของจำนวนแรงงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม แทนที่จะมองว่าเป็นความท้าทายเพียงอย่างเดียว ภาคธุรกิจไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม ค้าปลีกและบริการ กำลังปรับตัวและมองเห็น โอกาสใหม่ ในกลุ่มผู้สูงวัยนี้

หลายองค์กรยักษ์ใหญ่ได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อ เปิดรับผู้ที่มีอายุ 55-60 ปีขึ้นไปเข้าทำงาน ในหลากหลายตำแหน่งทั่วประเทศ แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข แต่ประสบการณ์คือของจริง ผู้สูงวัยเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “กลุ่มเปราะบาง” ที่ต้องการการดูแลอีกต่อไป แต่พวกเขาสามารถกลายเป็น พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ได้ ด้วยศักยภาพและประสบการณ์ที่สั่งสมมา

ทำไม ‘วัยเก๋า’ ถึงเนื้อหอมในตลาดแรงงาน?

ภาคธุรกิจต่างมองเห็นจุดเด่นอันมีคุณค่าในตัวแรงงานผู้สูงอายุ:

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง พวกเขามีความรู้และทักษะเฉพาะทาง สามารถเป็น “พี่เลี้ยง” ถ่ายทอดความรู้ มุมมอง และประสบการณ์ให้กับพนักงานรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์น้อยกว่าได้
  • ความอดทนและความรับผิดชอบสูง คุณสมบัตินี้ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานและการบริการลูกค้า
  • วุฒิภาวะที่ดี สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความตั้งใจและทัศนคติเชิงบวก ต่อการทำงาน

นอกจากนี้ การจ้างงานผู้สูงอายุยังสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ เพื่อสร้างคุณค่า สร้างหลักประกันทางรายได้ที่มั่นคง และเพิ่มคุณค่าความภาคภูมิใจให้แก่ตนเอง แม้จะมีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่แหล่งข่าวระบุว่าค่าตอบแทนที่องค์กรธุรกิจใหญ่ๆ จ่ายให้มักจะสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ภาครัฐกำหนดไว้สำหรับผู้สูงอายุอยู่แล้ว

ธุรกิจไหนบ้างที่เปิดรับ ‘แรงงานวัยเก๋า’?

หลายองค์กรชั้นนำได้เปิดโครงการจ้างงานผู้สูงวัยอย่างเป็นรูปธรรม:

  • แม็คโคร และ โลตัส ซึ่งมีสาขารวมกว่า 2,600 แห่งทั่วประเทศ ได้จัดทำโครงการ “60 ยังแจ๋ว” เปิดโอกาสให้ผู้สูงวัย กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มเปราะบางเข้ามาทำงาน โครงการนี้ตั้งเป้าหมายรับผู้สูงอายุเข้าทำงานให้ได้ 400,000 คนภายในปี 2573 (โครงการ 60 ยังแจ๋วนี้ Tesco Lotus เคยริเริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 แล้ว)
  • ซีเจ มอร์ ร้านซูเปอร์คอนวีเนี่ยนสโตร์กว่า 1,000 แห่ง จัดทำโครงการ “ซีเจ ซีเนียร์ พลัส วัยเก๋า” ในปี 2568 เปิดรับพนักงานใหม่ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
  • เซ็นทรัล รีเทล จัดทำโครงการ “รุ่นใหญ่ วัยเก๋า หัวใจแกร่ง” เปิดรับผู้สูงอายุ 60-65 ปีเข้าทำงานตั้งแต่ปลายปี 2567 โดยรับเข้าทำงานในทุกสาขาทั่วประเทศ กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล (TOPS, etc.) มีการจ้างงานผู้สูงวัยกว่า 100 คน และเริ่มโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2566 โดยมีโครงการ “Senior Buddy” ให้ผู้สูงวัยเป็นพี่เลี้ยง กลุ่มเซ็นทรัลโดยรวมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนการจ้างงานผู้สูงอายุมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากการต่ออายุงานหลังเกษียณ
  • บิ๊กซี ห้างค้าปลีก ริเริ่มโครงการ พี่ใหญ่ไฟแรง เปิดรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าทำงานในทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2566
  • วัตสัน ร้านสุขภาพและความงาม เปิดรับ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ อายุ 60 ปีเข้าทำงานในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ในปี 2568
  • เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เริ่มโครงการ “วัยเก๋า ยังแจ๋ว” ตั้งแต่ปี 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยที่มีศักยภาพกลับมาทำงาน โดยมีแผนขยายจำนวนการจ้างงานผู้สูงอายุให้ครอบคลุมสาขาหลักทั่วประเทศในอนาคต
  • แมคโดนัลด์ จัดทำโครงการ “วัยอิสระ” ในปี 2566 เปิดรับผู้สูงวัยอายุ 55-65 ปีเข้าทำงาน โดยปัจจุบันมีพนักงานในโครงการนี้กว่า 52 คน และยังคงเปิดรับต่อเนื่อง
  • ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ได้ลงนาม MOU ส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ โดยใช้แพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” มีตัวอย่างพนักงานที่อายุมากถึง 80 ปี
  • ซีพี แอ็กซ์ตร้า เดินหน้าจ้างงานผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผ่านโครงการ 60 ยังแจ๋ว ในสาขาของแม็คโครและโลตัส
  • สยามพิวรรธน์ มีนโยบาย Workplace-for-All ที่เปิดกว้างรับความหลากหลายทุกวัย ปัจจุบันมีสัดส่วนพนักงาน 4% ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
  • แกร็บ ประเทศไทย เปิดตัวโครงการ “แกร็บวัยเก๋า” รับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นพาร์ทเนอร์คนขับ

ตำแหน่งงานและสวัสดิการที่น่าสนใจ

ผู้สูงอายุสามารถสมัครเข้าร่วมทำงานในตำแหน่งที่หลากหลาย ซึ่งมักเน้นงานบริการลูกค้าและงานสนับสนุน ตำแหน่งยอดนิยมที่ผู้สูงอายุได้รับการบรรจุงานมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ:

  1. แนะนำการขายสินค้า
  2. จัดเรียงสินค้า
  3. ประชาสัมพันธ์
  4. แม่บ้าน ช่างเทคนิค
  5. งานบริการต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งอื่นๆ เช่น พนักงานชั่งน้ำหนัก, พนักงานบริการลูกค้า, พนักงานแคชเชียร์, พนักงานฝ่ายอาหารสด, พนักงานประจำศูนย์อาหาร, พนักงานร้านยา (เภสัชกร), พนักงานต้อนรับลูกค้า, พนักงานแผนกผักผลไม้, พนักงานครัว, พนักงานขาย, พนักงานห้อง CCTV, พนักงานตัดเย็บ, พนักงานทำความสะอาด, พนักงานลูกค้าสัมพันธ์, พนักงานร้านกาแฟ (Bao Cafe), พนักงานตรวจเช็คและจัดเรียงสินค้า, หรืองานที่อาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การคัดสรรสินค้าอาหาร และพาร์ทเนอร์คนขับ/จัดส่งสินค้า

รูปแบบการทำงานมักมีความ ยืดหยุ่น ในแบบ พาร์ทไทม์ สามารถเลือกปฏิบัติงานในสาขาใกล้บ้านได้ และเลือกตารางการทำงานตามที่สะดวก หรือทำงานเป็นกะได้ บางที่เปิดให้ทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน

ในด้านค่าตอบแทน แหล่งข่าวระบุว่าส่วนใหญ่จ่ายในอัตราที่ไม่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ โดยบางแห่งกำหนดเป็นอัตรา ค่าจ้างรายชั่วโมง เช่น 50 บาทต่อชั่วโมงที่ CJ More หรือกำหนดอัตราเดียวทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 45 บาทต่อชั่วโมงสำหรับงานบางประเภท และโดยทั่วไปมักได้รับผลตอบแทนสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว

นอกจากค่าจ้างแล้ว พนักงานสูงวัยยังได้รับ สวัสดิการ ที่สำคัญต่างๆ เช่น:

  • วงเงินรักษาพยาบาล หรือเงินสมทบค่ารักษาพยาบาล
  • การตรวจสุขภาพประจำปี
  • กองทุนเงินทดแทน
  • ประกันชีวิต
  • คูปองส่วนลดสินค้า
  • โบนัสประจำปี/การปรับเงินเดือนประจำปี (สำหรับพนักงานประจำ)
  • ค่าคอมมิสชั่น หรือค่าจัดเรียงสินค้า (ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง)

หลายบริษัทยังมีการ พัฒนาทักษะ ให้กับผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องด้วย

นี่คือโอกาสสำคัญสำหรับผู้สูงวัยที่ยังมีความตั้งใจและศักยภาพในการทำงาน ที่จะกลับเข้ามามีส่วนร่วมในสังคม สร้างรายได้ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และเป็นก้าวสำคัญของภาคธุรกิจไทยในการปรับตัวเข้าสู่สังคมสูงวัย โดยการดึงเอา พลังและประสบการณ์อันทรงคุณค่า ของคนกลุ่มนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งองค์กรและตัวบุคคล

ธุรกิจค้าปลีกเปิดบ้านรับ วัยเก๋า โอกาสใหม่พร้อมประสบการณ์