การชะลอโครงการเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3” สะท้อนการเปลี่ยนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล จากมาตรการแจกเงินสู่การลงทุนโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก รับมือภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน
ทบทวนบทบาท “ดิจิทัลวอลเล็ต” ในฐานะนโยบายเรือธง
ในช่วงต้นปี 2568 รัฐบาลไทยได้วางโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นมาตรการเศรษฐกิจเรือธง หวังเร่งการบริโภคและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศหลังจากเผชิญภาวะชะลอตัวมานาน โดยโครงการดังกล่าวได้รับการขับเคลื่อนใน 2 เฟสแรก ด้วยงบประมาณรวม 175,000 ล้านบาท ครอบคลุมประชาชนกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ
ผลจากเฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานว่า สามารถกระตุ้น GDP รวมกันได้เพียงราว 0.4% หรือเฉลี่ย 0.3% จากเฟสแรก และ 0.07-0.1% จากเฟสที่สอง ถือว่าต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดหวังเมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้ไปเกือบ 1% ของ GDP
ชะลอเฟส 3: ปรับนโยบายจากแจกเงินสู่ลงทุนโครงสร้าง
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 โดยมีมติเห็นชอบให้ชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 และระงับการดำเนินการในเฟสถัดไปอย่างไม่มีกำหนด
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้ว่า ไม่ใช่เพราะขาดงบประมาณ แต่เป็นเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ จนต้องทบทวนแผนการใช้เงินใหม่
เศรษฐกิจโลกผันผวนและความเสี่ยงทางการคลัง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผลักดันให้รัฐบาลต้องชะลอโครงการ คือการปรับลดประมาณการ GDP ไทยในปี 2568 โดยสำนักงานสภาพัฒน์ จากเดิมที่คาดไว้ 3.3–3.5% เหลือเพียง 1.8% เท่านั้น ซึ่งเกิดจากผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
นอกจากนี้ Moody’s ยังได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยเป็น “ลบ” (Negative) เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงทางการคลังและความสามารถในการบริหารหนี้ของประเทศ
บทวิเคราะห์: เปลี่ยนจาก “แจก” สู่ “สร้าง”
การชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมิได้หมายถึงการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง ตรงกันข้าม รัฐบาลได้เสนอแนวทางใหม่ในการใช้งบประมาณ 157,000 ล้านบาทที่เหลืออยู่ โดยเน้นไปที่:
- การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก
- การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับท้องถิ่น
- การเยียวยาธุรกิจและประชาชนจากผลกระทบนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
เป้าหมายคือการกระตุ้นการจ้างงาน เสริมศักยภาพการแข่งขัน และจัดการปัญหาโครงสร้างอย่างยั่งยืน
ผลกระทบต่อภาคประชาชนและธุรกิจ
แม้แนวทางใหม่จะมีเป้าหมายในระยะยาว แต่ย่อมส่งผลต่อกลุ่มที่เคยได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการแจกเงิน:
- ประชาชนรายได้น้อย อาจไม่สามารถเข้าถึงสภาพคล่องทันทีเหมือนเดิม
- ผู้ประกอบการรายย่อยและค้าปลีก ซึ่งเคยได้อานิสงส์จากการจับจ่าย อาจต้องเผชิญกับกำลังซื้อที่ลดลง
- อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลสามารถเร่งลงทุนที่เบิกจ่ายได้ทันภายในไตรมาส 3 ก็อาจชดเชยผลกระทบในระยะสั้นได้บางส่วน
นัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ
การชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 จึงไม่ใช่แค่การปรับงบประมาณ แต่เป็น การพลิกทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ไปสู่รูปแบบที่เน้นความยั่งยืน ความโปร่งใส และวินัยการคลังมากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางแรงกดดันทั้งจากองค์กรจัดอันดับเครดิต หน่วยงานเศรษฐกิจ และสถานการณ์โลก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนความพยายามของรัฐบาลในการสร้างสมดุลระหว่างการ “กระตุ้น” และ “รักษาเสถียรภาพ” ของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
