วิกฤตไฟฟ้าดับไอบีเรีย 2025: สะเทือนทั้งยุโรปเพราะพลังงานแสงอาทิตย์หายไปใน 5 นาที
วันที่ 28 เมษายน 2568 – ประเทศสเปนและโปรตุเกสประสบกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งสาธารณะ สัญญาณไฟจราจร เครื่องกดเงิน รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเมืองใหญ่หลายแห่ง โดยเฉพาะมาดริดและลิสบอน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามถึงเสถียรภาพของระบบไฟฟ้ายุคใหม่ที่พึ่งพาพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก
บริษัท Red Electrica ผู้ควบคุมระบบโครงข่ายไฟฟ้าของสเปน เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของวิกฤตนี้เกิดจากการลดลงอย่างเฉียบพลันของกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งลดลงจาก 18 กิกะวัตต์ เหลือเพียง 8 กิกะวัตต์ในเวลาแค่ 5 นาที
ผลกระทบดังกล่าวทำให้ความถี่ของระบบไฟฟ้าลดลงจาก 50 เฮิรตซ์ เหลือ 49.85 เฮิรตซ์ ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัย ส่งผลให้ระบบอัตโนมัติต้องตัดโรงไฟฟ้าบางส่วนออกจากระบบเพื่อป้องกันความเสียหาย
พลังงานสะอาดที่ “ไม่มีแรงเฉื่อย” คือจุดอ่อน?
แม้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นพลังงานสะอาด แต่ข้อจำกัดสำคัญคือ “ขาดแรงเฉื่อย” ซึ่งเป็นพลังงานหมุนที่ช่วยรักษาความเสถียรของระบบไฟฟ้าในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ต่างจากโรงไฟฟ้าก๊าซ นิวเคลียร์ หรือเขื่อนที่สามารถชดเชยความผันผวนได้ทันที
ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ สเปนผลิตไฟฟ้าจาก Solar PV สูงถึง 59% ตามด้วยพลังลม 12% และนิวเคลียร์ 11% ขณะที่โรงไฟฟ้าก๊าซคิดเป็นเพียง 5% ของระบบทั้งหมด ทำให้ระบบไฟฟ้าขาดสมดุลทันทีเมื่อโซลาร์ลดลงกะทันหัน
การฟื้นฟูระบบต้องใช้กระบวนการ “Black Start” โดยการเปิดโรงไฟฟ้าก๊าซ พลังน้ำ และนำเข้าไฟฟ้าจากฝรั่งเศสและโมร็อกโก
บทเรียนสำคัญ: Reserve Margin สำคัญต่อระบบไฟฟ้าทุกประเทศ
เหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า การพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนสูงเกินไปโดยไม่มีระบบเสริมความมั่นคง เช่น Reserve Margin หรือกำลังผลิตสำรอง อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าทั้งประเทศได้
แล้วประเทศไทยล่ะ? พร้อมรับมือหรือยัง
ประเทศไทยมีแผนเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ถึง 30% ภายในปี 2037 โดยเน้นพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล ซึ่งมีลักษณะผันผวนสูงเช่นเดียวกับยุโรป
แม้แนวนโยบายจะส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างชัดเจน แต่คำถามที่ควรคิดต่อคือ ระบบของไทยมีความพร้อมมากพอหรือไม่หากเกิดสถานการณ์แบบเดียวกับที่สเปน?
ความสำคัญของ Reserve Margin ในบริบทไทย
พลังงานหมุนเวียนยังต้องมีโรงไฟฟ้าหลักคอยหนุน
โรงไฟฟ้าที่สามารถควบคุมกำลังการผลิตได้ เช่น ก๊าซ ถ่านหิน หรือเขื่อน ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาความเสถียรของระบบ
ต้นทุนแฝงที่มองไม่เห็น
แม้พลังงานหมุนเวียนจะมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำ แต่ก็ต้องใช้ระบบสำรองและโครงสร้างควบคุมที่ซับซ้อน ซึ่งมีต้นทุนแฝงสูง
พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น = ต้องมี Reserve Margin มากขึ้น
เพราะความผันผวนของโซลาร์และลมทำให้ต้องมีโรงไฟฟ้าสำรองที่พร้อมจ่ายไฟทันทีเมื่อต้องการ
ระบบบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นคือหัวใจ
การวางแผนการจ่ายไฟ การจัดสรรภาระโรงไฟฟ้า และการใช้เทคโนโลยี smart grid เป็นสิ่งจำเป็นในระบบพลังงานยุคใหม่
เขื่อน: แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มั่นคงที่สุดในไทย
เขื่อนผลิตได้เร็ว ต้นทุนต่ำ และเสริมเสถียรภาพได้ดี จึงควรเป็นหนึ่งในแกนหลักของระบบพลังงานแห่งอนาคต
- คำถามที่ไทยต้องตอบ
หากพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง 50% ภายใน 5 นาที ระบบไฟฟ้าของไทยจะตอบสนองอย่างไร?
- เรามีโรงไฟฟ้าหลักเพียงพอในการหนุนพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตต่อเนื่องหรือไม่?
- เขื่อนและพลังน้ำในไทยมีบทบาทอย่างไรในการรักษาเสถียรภาพในวันที่แสงแดดหาย?
การวางแผนพลังงานแห่งอนาคตไม่อาจดูเพียงต้นทุนผลิต หรือความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึง “ความมั่นคง” และ “ความพร้อมของระบบ” ควบคู่กัน เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยต้องเผชิญบทเรียนราคาแพงแบบที่ยุโรปเพิ่งพบเจอ

ข้อมูล : reuters