ประเทศไทยกำลังเร่งดำเนินการพัฒนาระบบ Cell Broadcast เพื่อใช้ในการแจ้งเตือนภัยพิบัติแก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ระบบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น แผ่นดินไหว นอกจากนี้ ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายด้าน ได้มีการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างละเอียด
ระบบ Cell Broadcast: เทคโนโลยีแจ้งเตือนภัยพิบัติยุคใหม่
Cell Broadcast คือ ระบบสื่อสารข้อความโดยตรงไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะเจาะจง ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี Cell Broadcast Service (CBS) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน ข้อดีที่สำคัญของระบบนี้คือสามารถส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือที่รองรับตั้งแต่ 4G ขึ้นไปทุกเครื่องที่อยู่ในพื้นที่ครอบคลุมของสถานีฐานได้พร้อมกัน ข้อความจะปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ในรูปแบบ Pop Up Notification พร้อมเสียงเตือน แม้จะปิดเสียงโทรศัพท์อยู่ ทำให้ผู้รับสามารถรับรู้สถานการณ์ได้ทันที
ระบบ Cell Broadcast มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน:
- CBC (Cell Broadcast Center): เป็นส่วนของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เช่น เอไอเอส ทรู ดีแทค nt ทำหน้าที่กระจายสัญญาณ. ผู้ให้บริการเหล่านี้ได้ทดสอบระบบและมีความพร้อมในการเชื่อมต่อกับระบบสั่งการของรัฐบาลแล้ว.
- CBE (Cell Broadcast Entity): เป็นส่วนของหน่วยงานรัฐที่ออกประกาศเตือน เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ทำหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจส่งการแจ้งเตือน จากนั้นจะส่งคำสั่งไปยังศูนย์ CBC. อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ฝั่ง CBE ของ ปภ. ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ.
เมื่อระบบทำงานสมบูรณ์ หากเกิดภัยพิบัติ กรม ปภ. (CBE) จะส่งคำสั่งแจ้งเตือนไปยังศูนย์ CBC ของค่ายมือถือ ซึ่งจะกระจายสัญญาณไปยังเสาสัญญาณในพื้นที่เป้าหมาย และแจ้งเตือนผู้ใช้ทุกคนในพื้นที่นั้นๆ โดยข้อความพร้อมเสียงเตือนจะปรากฏบนมือถือทุกเครื่อง.
ความคืบหน้าในการพัฒนาระบบ Cell Broadcast ในประเทศไทย
ปัจจุบัน ระบบ Cell Broadcast ในประเทศไทยยังไม่พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม กสทช. (สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) กำลังเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง. กสทช. ได้ดำเนินการจำลองระบบ (virtual) เพื่อส่งข้อมูลแทน Cell Broadcast ที่ยังไม่สมบูรณ์.
ประเด็นสำคัญในการพัฒนาคือการรองรับบนระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple. ในขณะที่โทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Android สามารถรับข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ได้ทันที เนื่องจากเป็นระบบเปิด. กสทช. ได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัท Apple ให้ปลดล็อกระบบปฏิบัติการ iOS เพื่อรองรับการใช้งาน Cell Broadcast. ปัญหาของ Apple เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า ‘Carrier Profile setting’ ที่ไม่ปรากฏในเครื่องที่ขายผ่านซิมไทย ทำให้ iPhone ไม่สามารถรับ CBS ได้ แม้ระบบจะพร้อมใช้งานแล้วก็ตาม. Apple คาดว่าจะตอบกลับภายใน 48 ชั่วโมง และคาดว่าการอัปเดตข้อมูลจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568).
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เตรียมระบบ Cell Broadcast เพื่อส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือประชาชนโดยตรง เนื่องจากเป็นวิธีการแจ้งเตือนภัยที่มีข้อดีคือสามารถกระจายข้อความไปยังทุกเลขหมายได้อย่างรวดเร็วในกรณีเกิดเหตุการณ์ใหญ่ เช่น แผ่นดินไหว.
กสทช. กำลังเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น Apple และ LINE เพื่อให้การส่งข้อความเตือนภัยพิบัติด้วยระบบ Cell Broadcast เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง. นอกจากนี้ LINE Alert ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแจ้งเตือนภัย แต่ปัจจุบันมีผู้สมัครใช้บริการเพียง 200,000 ราย จากผู้ใช้ LINE ทั้งหมด 56 ล้านคน กสทช. จึงขอความร่วมมือในการแจ้งเตือนภัยผ่านแบนเนอร์ของ LINE ด้วย.
งบประมาณสนับสนุน สำหรับระบบ Cell Broadcast Center (CBC), Core Network, Radio Network และค่าบำรุงรักษาระบบเป็นระยะเวลา 3 ปี ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินประมาณ 1,030 ล้านบาท จากบอร์ด กสทช. ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ AWN (AIS) และ TUC (True Move H).
ไทม์ไลน์การใช้งาน คาดการณ์ว่าระบบ Cell Broadcast จะพร้อมใช้งานจริงได้ในบางพื้นที่ของประเทศภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568. นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เปิดเผยว่า ระบบ Cell Broadcast จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568.
ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาระบบ Cell Broadcast มีดังนี้:
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.): เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำระบบ Cell Broadcast Entity (CBE) และเป็นผู้กำหนดข้อความที่จะแจ้งเตือน. รัฐบาลได้มอบหมายให้ ปภ. ดำเนินการในส่วนนี้ตั้งแต่ 14 สิงหาคม 2567. อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ปภ. ยังไม่สรุปว่า Message ID ที่จะใช้เป็นอย่างไร ซึ่งถือเป็นความล่าช้าประการหนึ่ง.
- กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี): รับผิดชอบด้านการเชื่อมต่อและระบบ Cloud Server รวมถึงการเชื่อมต่อระหว่าง CBE และ CBC และการจัดการอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง.
- กสทช.: เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณและประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ.
- ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ: มีความพร้อมในเรื่องระบบ Cell Broadcast Center (CBC) และรอเพียงการเชื่อมต่อกับระบบของ ปภ..
ข้อจำกัดของระบบ SMS ที่ใช้ในการแจ้งเตือนภัยในปัจจุบันคือมีข้อจำกัดด้านจำนวนการส่งต่อครั้ง (ไม่เกินประมาณ 200,000 เลขหมาย) ทำให้การแจ้งเตือนภัยผ่าน SMS อาจล่าช้า หาก ปภ. ส่งข้อความมาหลายครั้งหรือมีจำนวนมาก. กรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ปภ. ได้ส่งข้อความสั้น (SMS) ให้ กสทช. ประสานผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งต่อให้ประชาชน แต่มีการส่งข้อความหลายครั้งในเวลาที่ต่างกัน ทำให้เกิดความล่าช้าในการส่ง. กสทช. ยืนยันว่าได้ดำเนินการส่งต่อข้อความให้ผู้ให้บริการทันทีที่ได้รับจาก ปภ.. ด้วยเหตุนี้ ระบบ Cell Broadcast จึงถูกมองว่าเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพกว่าในการแจ้งเตือนภัยพิบัติในวงกว้าง. นอกจากนี้ ในกรณีเร่งด่วนระหว่างที่ Cell Broadcast ยังไม่พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบ รัฐบาลได้มีการปรับปรุงระบบการส่งข้อความเตือนภัย โดยให้ ปภ. ส่งตรงไปยัง Operator (ผู้ให้บริการ) โดยไม่ต้องผ่าน กสทช..
ผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมา (28 มีนาคม 2568) และการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้เกิดการรับรู้แรงสั่นสะเทือนใน 63 จังหวัด ของประเทศไทย และมีรายงานความเสียหายใน 18 จังหวัด. ความเสียหายรวมถึง บ้านเรือน 591 หลัง, วัด 66 แห่ง, โรงพยาบาล 92 แห่ง, อาคาร 9 แห่ง, โรงเรียน 58 แห่ง, สถานที่ราชการ 27 แห่ง. น่าเศร้าที่มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และผู้บาดเจ็บ 34 ราย ในกรุงเทพมหานครและนนทบุรี และมีผู้สูญหาย 78 ราย ในกรุงเทพมหานคร. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เผยแพร่รายงานผลกระทบฉบับเต็มเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568. ต่อมา ได้มีการปรับลดระดับการจัดการสาธารณภัยจากระดับ 3 (ขนาดใหญ่) เป็นระดับ 2 (ขนาดกลาง) เนื่องจากสถานการณ์คลี่คลาย.
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความกังวลต่อสาธารณชนเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและระบบการเงินของไทย ส่งผลให้ 6 หน่วยงานต้องออกมาร่วมกันแถลงข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจ.
ตลาดทุนและการเงิน: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ตัดสินใจปิดการซื้อขายในช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคม เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและความไม่แน่นอนของข้อมูลข่าวสาร. อย่างไรก็ตาม ระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้รับผลกระทบและยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ. แม้ว่าผลกระทบต่อราคาหุ้นและความเชื่อมั่นจะเป็นปัจจัยระยะสั้นที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) มองว่าข้อมูลข่าวสารมีความสำคัญมากและได้พยายามรวบรวมและแยกแยะข้อเท็จจริง. ตลาดทุนมีแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan: BCP) และมีมาตรการรองรับความเสี่ยงต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง, ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น มาตรการชะลอแรงขายกองทุน LTF และการออกกองทุน ThaiESGX. ตลท. ยืนยันว่าภาพรวมปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยยังคงแข็งแกร่ง และภาคธุรกิจสามารถรับมือกับสถานการณ์และดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน. ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) ที่สามารถรองรับดูแลการซื้อขายได้อยู่แล้ว และยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการอื่นๆ. อย่างไรก็ตาม ตลท. อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจภายในบริหารความเสี่ยง เพื่อรองรับความเสี่ยงกรณีเกิดภัยพิบัติ และจะมีการกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ในการสั่งปิดการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยด้วยเงื่อนไขต่างๆ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/68 นี้. ธปท. (ธนาคารแห่งประเทศไทย) กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่มีผลกระทบต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานในการชำระเงินและบริการที่ให้กับประชาชน แต่อาจมีความติดขัดบ้างทางกายภาพในการเข้าไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคาร. ธปท. ได้มีการยืดหยุ่นขยายเวลาในการทำธุรกรรมระบบการชำระเงินต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก และธนาคารพาณิชย์ยังคงให้บริการได้ตามปกติ. ธปท. ประเมินว่าจะมีลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวจำนวนไม่มากและน่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น เมื่อเทียบกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19. ธปท. ได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีเกณฑ์รองรับในการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว.
ภาคอุตสาหกรรม: ส.อ.ท. (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความร้ายแรง โดยภาคการผลิตของโรงงานในหลายอุตสาหกรรมมีระบบ Safety ที่จะหยุดการทำงานของเครื่องจักรโดยอัตโนมัติหากเกิดแรงสั่นสะเทือนถึงระดับหนึ่ง. โรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่มีวิศวกรประจำโรงงานตรวจสอบระบบต่างๆ หลังเกิดเหตุ และส่วนใหญ่สามารถกลับมาทำการผลิตได้ปกติในวันที่ 29 มีนาคม. ส.อ.ท. ได้ให้ความช่วยเหลือโรงงานขนาดเล็กในการตรวจสอบระบบต่างๆ และขณะนี้ยังไม่พบปัญหา. ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและระบบการขนส่งวัตถุดิบและสินค้ายังคงดำเนินการได้เป็นปกติ. ผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่ลงทุนในเมียนมามีไม่มาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีปัญหาภายในอยู่แล้ว และโรงงานส่วนใหญ่อยู่นอกเขตเมืองมัณฑะเลย์. การผลิตเพื่อส่งออกและการค้าชายแดนกับเมียนมายังคงเป็นไปตามปกติ และมีแนวโน้มความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากเมียนมา.
ภาคประกันภัย: คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ย้ำว่า สำนักงาน คปภ. จะดูแลการเบิกจ่ายสินไหมให้รวดเร็วและเป็นธรรม โดยกรมธรรม์ส่วนใหญ่มีการคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวอยู่แล้ว. คปภ. ได้จัดตั้งศูนย์เพื่อช่วยเหลือด้านการประกันภัยเชิงรุก บริษัทประกันภัยต่างๆ ได้มีการประกันภัยต่อ (Reinsure) กับบริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่. ภาพรวมอุตสาหกรรมบริษัทประกันวินาศภัยของไทยมีอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดถึง 3 เท่า ทำให้มีความแข็งแกร่งและมีสภาพคล่องเพียงพอรองรับเศรษฐกิจของประเทศได้.
ความปลอดภัยของอาคาร: จากการตรวจสอบอาคารที่ร้องขอ พบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างมีนัยสำคัญ อาคารต่างๆ ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานวิศวกรรมที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้. จากการตรวจสอบอาคาร 13,000 แห่ง พบว่ามีเพียง 2 แห่งที่มีความเสี่ยงสีแดง อาคารที่ได้รับการประเมินเป็นสีเขียวสามารถเข้าใช้งานได้.
ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคบริการและภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลาดนักท่องเที่ยวเป็นอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงในระยะสั้นเพิ่มขึ้น. โดยรวมแล้ว เหตุการณ์นี้อาจทำให้ GDP ปี 2568 ลดลง -0.06%. KResearch มองว่าในระยะสั้น แรงกดดันจากภัยธรรมชาติและความไม่แน่นอนทางการค้าจะเป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบโดยตรง ด้านภาคการเงินยังมีความเสี่ยงจากคุณภาพหนี้ที่เปราะบาง ขณะที่ภาคประกันจะต้องบริหารความเสี่ยงจากการเคลมและค่าเสียหายที่สูงขึ้น แต่คาดว่าผลกระทบจะอยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้. KResearch ประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ในการประชุมรอบเดือนเมษายนนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ โดยมองเป้าหมายดอกเบี้ยปีนี้ไว้ที่ 1.75%. ด้าน KS ประเมินว่า EPS จะโดนกดดันประมาณ 1.0% โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหลัก และกลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบในระดับที่ต่ำกว่า K WEALTH มีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนกองทุนหุ้นไทย โดยแนะนำให้นักลงทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนถือลงทุนต่อ และนักลงทุนที่ไม่มีสัดส่วน แนะนำให้รอติดตามสถานการณ์ก่อน.
โดยสรุป ประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนาระบบ Cell Broadcast เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ. ขณะเดียวกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาได้สร้างผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งในด้านกายภาพและเศรษฐกิจ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้เร่งประเมินและออกมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว. แม้จะมีความเสียหายเกิดขึ้น แต่โดยรวมแล้ว ระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทยยังคงมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับผลกระทบได้ในระดับหนึ่ง.
