เมื่อชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคม 2568 เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ด้วยแนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ที่เคยทำให้สหรัฐฯ ปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง ผลกระทบที่ตามมาจากการกลับมาของทรัมป์ในเวทีการเมืองระดับโลก อาจส่งผลเสียหายโดยตรงต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย
ข้อมูลจาก ITIF (Information Technology and Innovation Foundation) ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงอันดับ 2 ในบรรดา “ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ” ที่อาจเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดย 10 ประเทศที่มีความเสี่ยงจากนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรและมาตรการตอบโต้อื่น ๆ จากรัฐบาลทรัมป์มากที่สุด ได้แก่
สาเหตุที่ไทยมีความเสี่ยงสูง
1.การพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ
◦สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์, และสินค้าเกษตร
◦หากสหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย หรือกำหนดมาตรการกีดกันการค้า อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง
2.สิทธิพิเศษทางการค้า (GSP)
◦สหรัฐฯ ได้ถอนสิทธิพิเศษ GSP ในบางกลุ่มสินค้าจากไทย โดยให้เหตุผลว่าไทยไม่ได้เปิดตลาดแรงงานอย่างเพียงพอ
3.การเข้าข่าย ‘ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้า’
◦ไทยมักติดอันดับประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง ซึ่งอาจถูกจับตามองว่าต้องเผชิญมาตรการตอบโต้ เช่น การขึ้นภาษี
4.สถานะในห่วงโซ่อุปทาน
◦ไทยมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเป้าหมายของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
แนวทางการรับมือของไทย
1.ลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
◦กระจายความสัมพันธ์ทางการค้าไปยังภูมิภาคอื่น เช่น อาเซียน, จีน, และสหภาพยุโรป
2.เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
◦ยกระดับเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการผลิตและส่งเสริมสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
3.เจรจาทางการทูตและการค้า
◦ดำเนินนโยบายเชิงรุกในการเจรจาลดข้อพิพาทหรือข้อจำกัดทางการค้า
ดัชนีความเสี่ยงทรัมป์ 2.0 ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญญาณเตือน แต่เป็นบทเรียนที่ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า เศรษฐกิจ หรือการเมืองระหว่างประเทศ การวางแผนระยะยาวและการเสริมสร้างศักยภาพในประเทศจะเป็นกุญแจสำคัญให้ไทยสามารถปรับตัวและรักษาความมั่นคงในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นความปกติใหม่

ที่มา : ITIF (Information Technology and Innovation Foundation)