เจาะลึกโครงสร้างธุรกิจ 7 บริษัทในเครือ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ มูลค่ารวมกว่า 927 ล้านบาท พร้อมแผนส่งต่อธุรกิจให้ทายาท 5 คน กลยุทธ์การบริหารที่น่าจับตา
ท่ามกลางกระแสข่าวอาการป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งตับระยะที่ 5 ของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองผู้โด่งดัง แต่น้อยคนจะรู้ว่าเขายังวางแผนสืบทอดอาณาจักรธุรกิจมูลค่าพันล้านไว้อย่างรอบคอบ
จากการเจาะลึกข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทของฐานเศรษฐกิจ ผ่านระบบ Creden Data พบว่า นายชูวิทย์ได้สร้างเครือข่ายธุรกิจผ่าน 7 บริษัทหลัก ครอบคลุมตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ไปจนถึงธุรกิจที่ปรึกษา โดยมีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 927 ล้านบาท
ไปดูกันว่า อาณาจักรธุรกิจของอดีตนักการเมืองผู้นี้ ถูกวางโครงสร้างและบริหารจัดการอย่างไร

กลุ่มบริษัทในเครือประกอบด้วย
1. บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด – เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเครือ ก่อตั้งเมื่อปี 2545 ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า มีสินทรัพย์รวม 511 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท มีกำไร 1.97 ล้านบาท (ปี 2563) จากรายได้รวม 8.93 ล้านบาท
2. บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด – ก่อตั้งเมื่อปี 2536 ดำเนินธุรกิจโรงแรม มีสินทรัพย์รวม 211 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 170 ล้านบาท มีรายได้รวม 22.31 ล้านบาท แต่มีผลประกอบการขาดทุน 27.76 ล้านบาท (ปี 2563) โดยมีหนี้สินรวมสูงถึง 455.75 ล้านบาท
3. บริษัท ต้นตระกูล จำกัด – ก่อตั้งเมื่อปี 2533 เป็นหนึ่งในบริษัทเก่าแก่ของกลุ่ม ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีสินทรัพย์รวม 165 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 170 ล้านบาท มีรายได้สูงถึง 27.23 ล้านบาท แต่มีผลขาดทุน 770,943 บาท (ปี 2566) มีบทบาทสำคัญในการถือหุ้นไขว้กับบริษัทอื่นในเครือ
4. บริษัท เดวิส ซิลเวอร์ สตาร์ แมเนจเมนท์ จำกัด – ก่อตั้งเมื่อปี 2536 ดำเนินธุรกิจให้เช่าพื้นที่ มีสินทรัพย์รวม 12.83 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีรายได้ 155,725 บาท แต่มีผลขาดทุน 516,801 บาท (ปี 2566) บริษัทยังมีการลงทุนในบริษัท ลาวา เอเชี่ยน บิสโทร แอนด์ บาร์ จำกัด ในสัดส่วน 6%
5. บริษัท ภาติฌาน จำกัด – ก่อตั้งเมื่อปี 2531 เป็นบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่ม ดำเนินธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ มีสินทรัพย์รวม 22.53 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 44 ล้านบาท มีรายได้ 1.27 ล้านบาท และมีกำไร 373,584 บาท (ปี 2563) โดยมีดวงตระการ ลูกสาวคนเล็ก ถือหุ้นใหญ่ 75.98%
6. บริษัท ทรัพย์สินตระการตา จำกัด – ก่อตั้งเมื่อปี 2538 ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านบริหาร มีสินทรัพย์รวม 2.41 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท มีรายได้ 28,000 บาท และมีกำไร 12,800 บาท (ปี 2565) แม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็กแต่ยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
7. บริษัท บุญต่อตระกูล จำกัด – ก่อตั้งเมื่อปี 2541 ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านบริหาร มีสินทรัพย์รวม 1.99 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท มีรายได้ 23,125 บาท และมีกำไร 7,925 บาท (ปี 2565) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีขนาดเล็กแต่มีผลประกอบการเป็นบวก
รูปแบบการบริหารจัดการที่น่าสนใจคือการดำเนินงานในลักษณะบริษัทครอบครัว โดยมีการกระจายหุ้นอย่างเป็นระบบ
- ทายาท 4 คนแรก (ตระการตา, ต่อตระกูล, ต้นตระกูล, เติมตระกูล) ถือหุ้นในสัดส่วนเท่าๆ กันประมาณ 24-25% ในแต่ละบริษัท
- ดวงตระการ ลูกสาวคนเล็ก มีบทบาทพิเศษในบริษัท ภาติฌาน จำกัด โดยถือหุ้นในสัดส่วนสูงถึง 75.98%
- มีการถือหุ้นไขว้ระหว่างบริษัทในเครือผ่านบริษัท ต้นตระกูล และบริษัท สมบัติเติมตระกูล ในสัดส่วนประมาณ 1-1.45% ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการ
- ชูวิทย์เองถือหุ้นในทุกบริษัทในสัดส่วนน้อยมาก (0.01-0.10%) สะท้อนการวางแผนส่งต่อธุรกิจให้รุ่นต่อไปอย่างชัดเจน
ธุรกิจหลักของกลุ่มมุ่งเน้นด้านอสังหาริมทรัพย์และการให้เช่า โดยมีบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด เป็นบริษัทหลัก แม้ว่าบางบริษัทจะประสบภาวะขาดทุน โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม แต่การบริหารในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งช่วยกระจายความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพของกลุ่มธุรกิจได้เป็นอย่างดี การมีบริษัทที่หลากหลายทั้งขนาดและประเภทธุรกิจช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม
โดยภาพรวม กลุ่มธุรกิจมีสินทรัพย์รวมกว่า 927.51 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 889.92 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงขนาดของอาณาจักรธุรกิจที่ชูวิทย์ได้สร้างและวางแผนส่งต่อให้ทายาทรุ่นต่อไปในธุรกิจครอบครัว
ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ