GULF ทุ่ม 2 หมื่นล้านต่อปี ลุยลงทุน Data Center-EV

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เดินหน้าลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี แม้เศรษฐกิจโลกยังผันผวน โดย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยยังไม่มีบริษัทใดเสนอให้ร่วมลงทุนเพิ่มเติม แต่ยังคงมุ่งขยายธุรกิจพลังงาน ดิจิทัล และดาต้าเซนเตอร์ พร้อมมั่นใจความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจ Data Center และ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่ประเทศไทยได้เปรียบเรื่องความเสถียรของระบบไฟฟ้า พร้อมเดินหน้ากระจายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกและขยายโอกาสการเติบโตในระยะยาว


ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยังคงรักษาจุดยืนในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกัลฟ์ เปิดเผยว่า บริษัทคงแผนลงทุนต่อปีไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความท้าทาย แต่ยังไม่ถึงขั้นถดถอย โดยบริษัทมีแผนปรับการดำเนินงานอย่างยืดหยุ่นทั้งรายเดือน รายไตรมาส และรายปี เพื่อตอบสนองต่อสภาวะตลาดอย่างทันท่วงที

ในส่วนของแผนลงทุนโรงไฟฟ้า ยังคงดำเนินการภายใต้แผน PDP ฉบับเดิม ซึ่งรอการอนุมัติฉบับใหม่จากกระทรวงพลังงาน ส่วนแผนลงทุนในต่างประเทศ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในหลายภูมิภาค ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดยพิจารณาจากโอกาสการเข้าซื้อกิจการหรือขายสินทรัพย์ตามความเหมาะสมและผลตอบแทนเชิงธุรกิจ

“การจะซื้อหรือขายสินทรัพย์ หากมีใครให้ราคาสูงก็ขาย จึงบอกไม่ได้ว่าปีนี้จะซื้อหรือขายสินทรัพย์หรือการซื้อหุ้นเพิ่มหรือไม่ขึ้น กับมูลค่าเป็นหลัก ส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ปัจจุบันยังคงถือหุ้นเหมือนเดิม และไม่มีแผนขายออก”

สำหรับการลงทุนใน Data Center มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเฟส 2 และเฟส 3 ซึ่งต้องพิจารณาขนาดพื้นที่ให้เหมาะกับแต่ละบริษัทที่เช่าใช้ เพื่อป้องกันการปล่อยอาคารร้างโดยใช่เหตุ ด้านความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศยังคงเติบโต จากแรงหนุนของการขยายตัวในธุรกิจ ดาต้าเซนเตอร์ และ ยานยนต์ไฟฟ้า โดยไทยมีจุดแข็งด้านระบบไฟฟ้าที่เสถียร จึงเป็นเป้าหมายการลงทุนของหลายธุรกิจ

นอกจากนี้ กัลฟ์ยังให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังอยู่ระหว่างติดตามโอกาสการลงทุนในระบบประมูลไฟฟ้า (Bidding) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ที่จะเชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายเอกชนของสหรัฐ ขณะที่แผนการลงทุนในโครงการ LNG ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดยบริษัทจะรักษาสัดส่วนการลงทุนในระยะยาวประมาณ 20-30% เพื่อกระจายความเสี่ยง

ส่วนโครงการ Virtual Bank ที่ร่วมกับกลุ่ม กรุงไทย – AIS – PTT ยังเดินหน้าต่อเนื่องเช่นเดียวกับความร่วมมือในธุรกิจโทรคมนาคม โดยล่าสุด กัลฟ์ได้ร่วมกับ AIS และจัสมิน ขยายการถ่ายทอดสดกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลทีมชาติไทยผ่านแพลตฟอร์ม AIS Play เพื่อให้เยาวชนเข้าถึงง่ายขึ้น โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนวงการกีฬาไทยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ นายสารัชถ์ยังแสดงความห่วงใยต่อกลุ่ม SME ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่รัฐบาลไทยเตรียมแผนรับมือในเชิงนโยบายอย่างรอบคอบ

จากทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ กัลฟ์ ในการปรับตัวและวางกลยุทธ์อย่างยืดหยุ่น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยอาศัยความแข็งแกร่งของธุรกิจพลังงาน และโอกาสในโลกดิจิทัลในการสร้างการเติบโตระยะยาว

ข้อมูล :bangkokbiznews