สภาพัฒน์ชี้ SMEs ปิดกิจการกระทบจ้างงาน เด็กจบใหม่เสี่ยงตกงานสูง

สภาพัฒน์ เผยผลสำรวจสถานการณ์แรงงานไทยไตรมาส 1/2568 พบอัตราว่างงานลดลงเหลือ 0.88% แต่เตือนปัญหาการจ้างงานยังน่ากังวล โดยเฉพาะในกลุ่ม เด็กจบใหม่ ที่มีแนวโน้มตกงานสูง จากการที่ นายจ้าง หันไปจ้าง ฟรีแลนซ์ และ แรงงานเกษียณ แทนคนรุ่นใหม่ เหตุเพราะขาดทักษะเฉพาะและประสบการณ์ ขณะเดียวกันการปิดกิจการของ SMEs และโรงงานกว่า 25,000 แห่ง ส่งผลต่อการจ้างงานโดยรวม ด้านภาครัฐเตรียมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาทักษะแรงงาน และยกระดับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคต

สถานการณ์แรงงานไทยไตรมาสแรกปี 2568 ยังคงสะท้อนสัญญาณอ่อนแรงของตลาดแรงงาน แม้อัตราว่างงานจะลดลงเหลือ 0.88% หรือประมาณ 360,000 คน แต่จำนวนผู้มีงานทำกลับลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า โดยมีแรงงานที่มีงานทำรวมทั้งสิ้น 39.4 ล้านคน ลดลง 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า การลดลงของการจ้างงานส่วนใหญ่มาจากภาคการผลิต โรงแรม ร้านอาหาร และค้าปลีก แม้ภาพรวมภาคเกษตรยังคงมีการจ้างงานที่เสถียร แต่ภาคบริการที่ควรได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวกลับจ้างงานลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานชั่วคราว

ภาวะการจ้างงานที่ลดลงยังมาพร้อมกับปัญหาการจ้างงานที่ไม่เต็มศักยภาพ (Underemployment) ซึ่งพบมากในกลุ่มแรงงานภาคการค้าและบริการ รวมถึงแรงงานที่ทำงานไม่เต็มเวลา หรืองานไม่ตรงกับทักษะที่มี โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเปราะบางของโครงสร้างแรงงานไทยในภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว

สิ่งที่น่ากังวลคือการที่ ธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นแหล่งจ้างงานหลักของประเทศ ต้องปิดกิจการกว่า 24,000 แห่งในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่โรงงานอีกกว่า 1,234 แห่งยุติการดำเนินงาน ส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงานในกลุ่มแรงงานทักษะปานกลางถึงต่ำ ที่ยังไม่สามารถปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน

แม้การทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 40.8 ชั่วโมงต่อคน แต่จำนวนชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นกลับไม่ได้สะท้อนรายได้ที่ดีขึ้น หรือความมั่นคงของแรงงานแต่อย่างใด

ด้านกลุ่มเสี่ยงที่สุดในการจ้างงาน ได้แก่ กลุ่ม “เด็กจบใหม่” ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายและอุดมศึกษา โดยจากผลสำรวจพบว่า ผู้บริหารถึง 89% หลีกเลี่ยงการจ้างงานกลุ่มนี้ ด้วยเหตุผลหลักคือ ขาดทักษะเฉพาะ ขาดประสบการณ์ทำงาน และขาดมารยาททางธุรกิจ ส่งผลให้หลายองค์กรเลือกจ้าง ฟรีแลนซ์ หรือ พนักงานที่เกษียณแล้ว เข้ามาทดแทน หรือแม้แต่ปล่อยตำแหน่งว่างไว้โดยไม่จ้างงานเพิ่ม

สภาพัฒน์ แนะให้เด็กจบใหม่เร่งพัฒนาทักษะของตนเองทั้งด้านวิชาชีพและทัศนคติ พร้อมเน้นว่าภาคการศึกษาจำเป็นต้องปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชนอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมกำลังคนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพ

ภาครัฐในขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนนโยบาย “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” เพื่อยกระดับแรงงานไทยในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานรุ่นใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องมีความสามารถในการปรับตัวกับเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์แรงงานในไตรมาสนี้ จึงเป็นสัญญาณเตือนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและภาคนโยบาย ที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs การยกระดับทักษะแรงงาน และการปรับตัวเชิงโครงสร้างในภาคการศึกษา เพื่อรองรับอนาคตของตลาดแรงงานที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ข้อมูล / ภาพ : bangkokbiznews