นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายและที่ปรึกษาด้านกฎหมาย แสดงความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ว่าเป็นโอกาสสำคัญในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย โดยไม่ใช่แค่การเปิด “กาสิโน” แต่คือการสร้างแหล่งท่องเที่ยวและความบันเทิงแบบครบวงจรที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ แก้ปัญหาบ่อนใต้ดิน และสร้างจุดหมายใหม่ด้านการท่องเที่ยว โดยมีการกำหนดกรอบการลงทุนที่ชัดเจน ควบคู่กับการเตือนถึงความจำเป็นในการเร่งควบคุม การพนันออนไลน์ ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามเกินควบคุม
การผลักดันร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาลในครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเปิดให้บริการกาสิโน แต่คือแนวคิดการพัฒนา Entertainment Complex ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย ทั้งสวนสนุก สวนน้ำ โรงละคร สนามกีฬา ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Man-Made Destination) โดยจะจัดสรรพื้นที่กาสิโนไว้ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด
นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ชี้ให้เห็นว่าการที่ประเทศไทยเข้าสู่เวทีนี้ช้ากว่าประเทศอื่น กลับกลายเป็นจุดแข็ง เพราะสามารถศึกษาและเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและข้อผิดพลาดของประเทศที่มีโมเดล Entertainment Complex มาก่อน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้แต่สหราชอาณาจักร ที่แม้มีกาสิโนหลายแห่ง แต่สังคมโดยรวมยังดำเนินไปอย่างปกติ โดยมีนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ไม่ใช่ประชาชนในประเทศ
Entertainment Complex: กฎหมายที่มากกว่ากาสิโน
สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ กฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณานั้นใช้คำว่า “สถานบันเทิงครบวงจร” ซึ่งไม่ได้หมายถึงกาสิโนเพียงอย่างเดียว และไม่เปิดให้ผู้ประกอบการทั่วไปเข้ามาลงทุนได้โดยเสรี เพราะมีเกณฑ์การลงทุนที่เข้มงวด โดยเฉพาะการควบคุมพื้นที่กาสิโนอย่างชัดเจน
แนวทางนี้มีเป้าหมาย 3 ด้าน คือ
- พัฒนาเศรษฐกิจ: ดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ
- ยกระดับการท่องเที่ยว: สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
- แก้ปัญหาบ่อนเถื่อน: ลดปัญหาอาชญากรรมและอิทธิพลมืด ด้วยการนำระบบการพนันเข้าสู่ภาครัฐ
เศรษฐกิจใต้ดิน กับการควบคุมที่เป็นจริง
ต่อข้อกังวลว่าโครงการนี้อาจกลายเป็นแหล่งฟอกเงินและธุรกิจสีเทา นายวีรพัฒน์ ให้ความเห็นว่า ปัญหาธุรกิจใต้ดินในไทยมีอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องมีกาสิโนจึงจะเกิดปัญหา การปล่อยให้เม็ดเงินไหลเวียนอยู่นอกระบบกลับยิ่งเปิดช่องให้เกิดอิทธิพลมืดอย่างไร้การควบคุม
หากนำเงินเหล่านี้เข้าสู่ระบบภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด จะช่วยให้รัฐสามารถตรวจสอบและเก็บรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างโปร่งใส พร้อมเน้นว่าแนวทางนี้เป็น “การควบคุมด้วยระบบ” ไม่ใช่การปล่อยให้เสรีหรือแค่การบังคับใช้กฎหมายอย่างเดิมๆ ที่ไม่สามารถหยุดการเติบโตของธุรกิจสีเทาได้
การพนันออนไลน์: ความท้าทายที่รัฐไทยต้องเร่งรับมือ
วีรพัฒน์ เตือนว่า โลกของการพนันกำลังเคลื่อนไปสู่ ระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากเทคโนโลยีดิจิทัล หากประเทศไทยไม่เตรียมพร้อมด้วยกฎหมายและกลไกควบคุมที่มีประสิทธิภาพ การพนันออนไลน์จะยิ่งเติบโตในพื้นที่ของกลุ่มอิทธิพลใต้ดิน
เขาย้ำว่ารัฐบาลจำเป็นต้อง “ตื่นตัวให้ทันเวลา” เพื่อออกกฎหมายที่ไม่เพียงควบคุม แต่ยังสามารถป้องกันมิให้กลุ่มอาชญากรรมเข้ามายึดครองระบบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และเยาวชนในระยะยาว
บทเรียนจากเบียร์ช้าง: อย่าปล่อยโอกาสทางเศรษฐกิจให้ต่างชาติ
วีรพัฒน์ ย้อนกรณีการต่อต้าน เบียร์ช้าง ในอดีต ซึ่งถูกห้ามจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ด้วยเหตุผลด้านศีลธรรม จนท้ายที่สุดบริษัทผู้ผลิตต้องไปจดทะเบียนที่สิงคโปร์ ส่งผลให้เม็ดเงินมหาศาลที่ควรอยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยกลับไปตกอยู่ในมือของต่างชาติ
เขาเห็นว่าหากประเทศไทยยังคงมองโอกาสทางเศรษฐกิจในแง่ลบ หรือขาดระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ก็อาจสูญเสียทั้งการลงทุน รายได้ และโอกาสทางสังคมซ้ำรอยเดิมในอนาคต โดยย้ำว่าไทยสามารถทำได้ หากเราตอบคำถามให้ได้ว่า “จะทำให้ดีกว่าประเทศอื่นได้อย่างไร” และต้องออกแบบระบบกฎหมายที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น
ข้อมูล/ภาพ : posttoday