ย่านบรรทัดทองซบเซาหนัก นักท่องเที่ยวจีนลด ฉุดรายได้ร้านอาหารร่วง

ถนนบรรทัดทอง ย่านสตรีทฟู้ดชื่อดังของไทยกำลังเผชิญวิกฤติหนักในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 เมื่อรายได้ของร้านอาหารกว่า 300 แห่งในพื้นที่ลดลงถึง 40-50% จากผลกระทบหลักคือการหายไปของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกำลังซื้อสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากจำนวนชาวจีนที่เดินทางเข้าไทยลดลงถึง 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ย่านดังกล่าวยังเจอดราม่าระลอกใหม่จากกระแสวิจารณ์เรื่องคุณภาพอาหารที่ต่ำกว่ามาตรฐานแต่กลับตั้งราคาสูงในสายตานักท่องเที่ยว ยิ่งซ้ำเติมภาพลักษณ์และรายได้ของผู้ประกอบการให้ทรุดหนักยิ่งขึ้น


ชื่อเสียงของ ถนนบรรทัดทอง ในฐานะแหล่งรวมร้านอาหารริมทางระดับโลกกำลังเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อข้อมูลจาก สิทธิกร วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยว่า รายได้ของผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ลดลงเฉลี่ย 40-50% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 โดยเฉพาะผลกระทบจากการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งโดยปกติมีสัดส่วนมากถึง 20-30% ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนย่านนี้ต่อวัน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนชาวจีนลดลงอย่างมาก มาจากความกังวลด้านความปลอดภัยหลังเกิดคดีลักพาตัว ชิงชิง นักแสดงสาวชาวจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดกระแสวิตกในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อการเดินทางมายังประเทศไทย

ข้อมูลจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 18 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 13.4 ล้านคน ลดลง 1.75% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนลดลงถึง 25% เหลือเพียง 1.64 ล้านคน เทียบกับช่วงก่อนโควิดที่จีนเคยเป็นตลาดท่องเที่ยวขนาดใหญ่สุดของไทย โดยมีจำนวนสูงสุดถึง 11.13 ล้านคนในปี 2562

สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ ถนนบรรทัดทอง ซึ่งปกติมีผู้มาเยือนระหว่าง 10,000 ถึง 30,000 คนต่อวัน และเคยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Time Out ให้เป็น “ถนนที่เจ๋งที่สุดอันดับที่ 14 ของโลก” ประจำปี 2024 การหายไปของนักท่องเที่ยวจีนจึงถือเป็นการสูญเสียกำลังซื้อหลักที่กระทบต่อทั้งรายได้และชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน

นอกจากปัญหาด้านปริมาณนักท่องเที่ยวแล้ว ย่านบรรทัดทองยังต้องรับมือกับกระแสวิพากษ์บนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งออกมาโพสต์ถึงประสบการณ์ที่ไม่ประทับใจ โดยเฉพาะเรื่อง “ราคาอาหารแพงแต่คุณภาพลดลง” ซึ่งกลายเป็นดราม่าร้อนที่ซ้ำเติมความเชื่อมั่นในแบรนด์ ‘สตรีทฟู้ดไทย’ และอาจทำให้ย่านดังกล่าวสูญเสียความนิยมในสายตาทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ

สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนถึงความท้าทายของแหล่งท่องเที่ยวไทยในยุคหลังโควิดที่ยังต้องการการฟื้นฟูอย่างจริงจัง ทั้งในด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพบริการ รวมถึงการรักษาเสน่ห์แบบดั้งเดิมของวัฒนธรรมอาหารไทยไว้ให้ได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาค

ข้อมูล : thestandard