หอการค้านานาชาติดูไบเปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ หนุนธุรกิจไทยสู่โลก

หอการค้านานาชาติดูไบ (Dubai International Chamber) เปิดสำนักงานผู้แทนอย่างเป็นทางการใน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่าง ประเทศไทย กับ ดูไบ พร้อมสนับสนุนการขยายธุรกิจของภาคเอกชนไทยสู่ตลาดตะวันออกกลาง ผ่านการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ และการเข้าถึงข้อมูลตลาด โดยงานเปิดตัวจัดขึ้นระหว่างการประชุม “Doing Business with Thailand” ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการพบปะและหารือร่วมกันระหว่างผู้นำธุรกิจไทยกับคณะผู้แทนจากดูไบ เพื่อสานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองภูมิภาค

หอการค้านานาชาติดูไบ (Dubai International Chamber) หนึ่งในสามหอการค้าภายใต้ เครือข่ายหอการค้าดูไบ (Dubai Chambers) ได้เปิด สำนักงานผู้แทนแห่งใหม่ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและดูไบ พร้อมขับเคลื่อนการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจไทยในตลาดตะวันออกกลาง

สำนักงานแห่งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับทั้งภาครัฐและเอกชนของไทย และให้การสนับสนุนที่ครอบคลุมแก่กลุ่มธุรกิจ เช่น การให้ข้อมูลเชิงลึกด้านตลาด การจัดเครือข่ายทางธุรกิจ และการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการเข้าสู่ตลาดดูไบ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนระดับโลกที่มีศักยภาพสูง

การเปิดตัวสำนักงานจัดขึ้นภายในงานประชุม “Doing Business with Thailand” ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 โดยจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง หอการค้าดูไบ (Dubai Chamber of Commerce) กับหน่วยงานสำคัญของไทย ได้แก่ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (TCC and BoT), กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) รวมถึงการสนับสนุนจาก สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย และ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ

ภายในงานได้มีการหารือและพบปะระหว่างผู้นำธุรกิจไทยและคณะผู้แทนจากดูไบที่ประกอบด้วยบริษัทกว่า 20 แห่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรกรรม ยานยนต์ การก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบริการ สารหล่อลื่นอุตสาหกรรม การค้าปลีกน้ำหอม และการลงทุนในรูปแบบต่างๆ

ฯพณฯ มูฮัมหมัด อาลี รอชีด ลูตาห์ (His Excellency Mohammad Ali Rashed Lootah), ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หอการค้าดูไบ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของสำนักงานแห่งใหม่นี้ว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการ “ปลดล็อกโอกาสใหม่ให้กับบริษัทไทยที่ต้องการเข้าสู่ดูไบ และใช้ประโยชน์จากตำแหน่งยุทธศาสตร์ของดูไบในฐานะประตูสู่การเติบโตระดับโลก” พร้อมระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยผลักดันให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับสากล

การจัดประชุมครั้งนี้ ยังมุ่งเน้นการต่อยอดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตระหว่างไทยกับดูไบ โดย มูลค่าการค้าทวิภาคีที่ไม่ใช่น้ำมัน ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมูลค่ารวมกว่า 23.8 พันล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) หรือเพิ่มขึ้นกว่า 23.3% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ จำนวนบริษัทไทยที่จดทะเบียนเป็นสมาชิกของหอการค้าดูไบก็เพิ่มขึ้นถึง 28.4% แตะระดับ 190 แห่ง ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของภาคเอกชนไทยในตลาดดูไบ

งานนี้ยังได้รับเกียรติจาก อูเบด ซะอีด อูเบดบินฏอริช อัลฎอฮิรี (H.E. Obaid Saeed Obaid Bintaresh Aldhaheri), เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย และ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์, ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ชุตินทร คงศักดิ์, เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พรวิช ศิลาอ่อน, รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวปาฐกถาพิเศษ

ภายในงานยังมีการนำเสนอ ภาพรวมเศรษฐกิจของดูไบ โดยผู้แทนหอการค้าดูไบ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย สิทธิประโยชน์ทางภาษี และระบบการเงินที่เปิดกว้าง พร้อมทั้งมีการอภิปรายร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคที่มีศักยภาพสูง เช่น พลังงานหมุนเวียน การขนส่ง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และบริการประชาสัมพันธ์

ข้อมูล : thestandard

ภาพ : kaohooninternational