ศาลสหรัฐฯ สั่งระงับมาตรการรีดภาษีโลกของทรัมป์ ชี้ใช้อำนาจเกินขอบเขต

ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในแมนฮัตตันมีคำพิพากษาเมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา สั่งห้าม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้มาตรการรีดภาษีที่กำหนดกับสินค้านำเข้าจากหลายประเทศทั่วโลก หลังเห็นว่า ทรัมป์ ใช้อำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินเกินขอบเขตตามกฎหมาย โดยคณะผู้พิพากษาสามท่านมีคำสั่งห้ามถาวรครอบคลุมเพดานภาษีสูงลิ่ว 10-30% ที่ประกาศใช้ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงมาตรการตอบโต้การลักลอบขนยาเสพติด เพนตานิล ศาลชี้ว่ารัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ให้อำนาจพิเศษแก่รัฐสภาในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ ไม่ใช่ให้อำนาจประธานาธิบดีดำเนินมาตรการกว้างขวางเช่นนี้ ผลของคำสั่งนี้ส่งผลให้ไทยและคู่ค้าสำคัญทั่วโลกอาจได้อานิสงส์จากการระงับมาตรการรีดภาษีดังกล่าว

คดีนี้ถูกยื่นฟ้องโดย ศูนย์ยุติธรรมลิเบอร์ตี และตัวแทนธุรกิจขนาดเล็กอย่าง VOS Selections ซึ่งอ้างว่ามาตรการภาษีของทรัมป์สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพวกเขา โดยเฉพาะการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก จีน, เม็กซิโก และ แคนาดา ที่โดนตั้งเพดานภาษีสูงถึง 30% และ 25% ในหลายกรณี รวมถึงเพดานภาษีพื้นฐาน 10% ที่ครอบคลุมสินค้านำเข้าทั้งหมด

ในคำพิพากษา อิลยา โซมิน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่ง สถาบันกฎหมายสคาเลีย ลอว์ มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน และทนายความฝ่ายโจทก์ เผยว่าคำตัดสินครั้งนี้ยืนยันว่าโครงการภาษี “วันปลดปล่อย” ที่ทรัมป์กำหนดขึ้นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลยังชี้ว่ากฎหมายอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ไม่ให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดเพดานภาษีแบบครอบคลุม แม้ว่าทรัมป์จะอ้างว่ามาตรการดังกล่าวจำเป็นเพื่อรับมือการลักลอบขน เพนตานิล แต่ศาลเห็นว่าการตีความดังกล่าวไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

คำตัดสินของศาลยังแสดงให้เห็นถึงหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ซึ่งให้อำนาจรัฐสภากำกับดูแลการค้าต่างประเทศ ไม่ใช่การใช้อำนาจฝ่ายบริหารแต่เพียงผู้เดียว โดยคำสั่งนี้จะทำให้มาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ ส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงักก่อนที่จะมีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศเพิ่มเติม

แม้คำตัดสินจะไม่ครอบคลุมมาตรการภาษีนำเข้า 25% ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์, ชิ้นส่วน, เหล็ก และอลูมิเนียม เนื่องจากมาตรการเหล่านี้อยู่ภายใต้มาตรา 232 ของกฎหมายขยายการค้า ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แต่มาตรการอื่นๆ รวมถึงเพดานภาษี 10% ที่ครอบคลุมสินค้านำเข้าทั้งหมดจะต้องหยุดลง

สำหรับประเทศไทยและประเทศคู่ค้าสำคัญ มาตรการระงับนี้ถือเป็นข่าวดีในแง่ของการลดอุปสรรคทางการค้าและภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีในสหรัฐฯ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจะช่วยบรรเทาภาระธุรกิจและสร้างความชัดเจนในตลาดโลก

ในขณะที่ ทำเนียบขาว ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อกรณีนี้ โฆษก แฮร์ริสัน ฟิลด์ส เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เป็นเหตุผลสำคัญในการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว ซึ่งถูกศาลปัดตกเพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ภาวะฉุกเฉิน

ข้อมูล/ภาพ :mgronline