นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดในภาคการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น เป็นเรื่องการแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งมีการวางแนวทางและกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ผ่านสำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่ง เป็นการทำกิจกรรมในประเทศจีน อาทิ การประชาสัมพันธ์ และการขายต่างๆ เพราะไม่ได้หมายความว่าความต้องการ (ดีมานด์) ของนักท่องเที่ยวจีนไม่มี สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเฉลี่ยประมาณ 10,000 คนต่อวันในช่วงพีก แม้ช่วงที่ลดลงต่ำมากๆ ก็ยังมีเข้ามาหลัก 6,000 คนต่อวัน
นางสาวภัทรอนงค์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมนอกประเทศจีน จะจัดขึ้นในประเทศไทย เป็นการร่วมมือระหว่าง ททท.และเอกชนไทย-จีน จัดกิจกรรม “สวัสดี หนีห่าว” ส่งเสริมการเดินทางเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน และสร้างความเชื่อมั่นว่าไทยปลอดภัย ซึ่งจะมีพิธีเปิดงานวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 โดยเชิญนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งโครงการนี้ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องภาพลักษณ์เท่านั้น แต่ใช้เป็นโอกาสนำเสนอมุมมองใหม่ของประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวจีน ที่เปลี่ยนมาเที่ยวเอง (เอฟไอที) กันมากขึ้น โดยหลังจัดกิจกรรมนี้ ททท.จะประเมินแนวโน้มตลาดจีนอีกครั้งว่าจะขยับมากน้อยเท่าใด ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดทั้งปี 2568 อาจอยู่ประมาณ 5 ล้านคน ส่วนกรณีที่ดีที่สุด อาจทำได้ 6.9 ล้านคน หลังจากที่มีการปรับแผนการทำงาน แต่ททท.ก็จะพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ 8 ล้านคน ส่วนอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 5,300 บาทต่อวัน พักเฉลี่ย 5-6 วัน
นางสาวภัทรอนงค์ กล่าวว่า จัดกิจกรรมสวัสดี หนีห่าว จะมีเอเย่นต์จีนและสื่อมวลชนจีนเดินทางเข้าร่วมงาน จำนวน 600 คน แบ่งเป็นสื่อมวลชน ผู้นำความคิด (เคโอแอล) จำนวน 200 คน และเอเย่นต์จากฝั่งจีน จำนวน 400 คน ซึ่งในจำนวนเอเย่นต์ 100 คน เป็นผู้ติดตามที่ออกค่าเดินทางด้วยตัวเอง และมีผู้ขายฝั่งไทยจำนวน 500 คน ซึ่งงานครั้งนี้คาดหวังว่าจะสร้างการรับรู้ได้กว่า 350 ล้านคน-ครั้ง เกิดการนัดทางธุรกิจ 5,000 นัดหมาย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนจากบริษัทโฮลเซลขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของจีนที่เข้ามาปรึกษากับ ททท.สำนักงานปักกิ่ง เพื่อจะพาเอเย่นต์มาสำรวจตลาดท่องเที่ยวในไทย เพราะไทยเป็นตลาดอันดับต้นๆ เมื่อนักท่องเที่ยวหายไปก็กระทบผู้ประกอบการเหล่านั้นเช่นกัน จากที่ก่อนหน้านี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ททท. ได้เชิญเย่นต์จีนมาร่วมแฟมทริปในไทย แต่ก็ปฏิเสธการมาในตอนนั้น แต่เมื่อมีบริษัทโฮลเซลขนาดใหญ่เข้ามาคุยเองว่าจะเดินทางมาไทยถือเป็นสัญญาณที่ดี
“มีการเลี้ยงต้อนรับ รวมถึงการจัดการแสดงเพื่อสร้างมุมมองใหม่ให้กับกลุ่มคนที่เข้ามาร่วมงานสวัสดี หนีห่าว จากนั้นมีการจัดเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อพาไปดูภาพท่องเที่ยวไทยที่เป็นความจริง แบ่งเป็นกลุ่มเอเย่นต์จีน และกลุ่มเคโอแอล ซึ่งกลุ่มเอเย่นต์จีน จะเป็นฤดูกาลทุเรียน จังหวัดระยอง จากนั้นจะกลับมาพัทยา เพื่อหามุมมองใหม่ในการทำตลาดเที่ยวไทยต่อจากนี้ ส่วนกลุ่มเคโอแอล แบ่งเป็น 5 เส้นทาง ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพฯ อยุธยา ระยอง นครปฐม และพัทยา เพื่อดูความสวยงามของวัดวาอารามไทย กิจกรรมด้านความยั่งยืน และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยสื่อต่างๆ ที่เข้ามาร่วมเส้นทางท่องเที่ยวจะนำเสนอภาพเที่ยวไทยออกไป คาดว่าจะช่วยให้เกิดการรับรู้และการขายเที่ยวไทยได้มากขึ้น” นางสาวภัทรอนงค์ กล่าว
นางสาวภัทรอนงค์ กล่าวว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมาไทยน้อยลง เนื่องจากทุกประเทศต่างแย่งชิงนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงรัฐบาลจีนส่งเสริมให้คนท่องเที่ยวในประเทศด้วย ขณะที่ภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ในจำนวน 39 ล้านคน แบ่งเป็นสัดส่วนแบ่งของตลาดระยะใกล้ 70% และตลาดระยะไกล 30% ส่วนรายได้ในตลาดระยะใกล้คิดเป็นสัดส่วน 61% และตลาดระยะไกล 39% ส่วนตลาดที่จำนวนนักท่องต่างชาติลดลง ซึ่งต้องรีบแก้ไขให้ฟื้นตัวกลับมา อาทิ จีน ลดลง 32% ฮ่องกง ลดลง 22% เวียดนาม ลดลง 16% เกาหลี ลดลง 15% เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2568) ส่วนตลาดที่มีสัญญาณดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อาทิ ฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32% อินเดีย เพิ่มขึ้น 16% ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 16% และอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 1%
ข้อมูล : matichon
