Microsoft เตรียมเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกกว่า 7,000 ตำแหน่ง โดยเริ่มมีผลในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ หลังองค์กรประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันด้าน AI และบริการคลาวด์
เมื่อวันที่ผ่านมา Microsoft ออกแถลงการณ์ยืนยันว่ากำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรทั่วโลก โดยมีแผนเลิกจ้างพนักงานกว่า 7,000 คนจากทุกแผนก เพื่อตอบรับกับกลยุทธ์ใหม่ในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบริการคลาวด์ผ่านแพลตฟอร์ม Azure โดยคาดว่าการปลดพนักงานจะเริ่มมีผลในวันที่ 13 กรกฎาคม 2025 นี้ และจะส่งผลกระทบกับพนักงานในสำนักงานใหญ่ของบริษัทประมาณ 2,000 คน
จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน 2024 Microsoft มีพนักงานทั่วโลกจำนวน 228,000 คน ซึ่งการเลิกจ้างครั้งนี้นับเป็นการปรับลดบุคลากรต่อเนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา บริษัทได้เลิกจ้างพนักงานไปแล้วกว่า 10,000 คน โดยมีทั้งบุคลากรจากโปรเจกต์ HoloLens และโครงการฮาร์ดแวร์อื่นๆ ที่ถูกยุบหรือปรับเปลี่ยนบทบาท
โฆษกของ Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ความคล่องตัว” และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับทิศทางในอนาคต โดยเฉพาะภายใต้แรงกดดันด้านการควบคุมต้นทุนและการลงทุนขนาดใหญ่ในด้านเทคโนโลยี AI
ในปีงบประมาณปัจจุบัน Microsoft ได้ทุ่มงบประมาณสูงถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.66 ล้านล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบ AI และการให้บริการคลาวด์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในระดับโลก
Satya Nadella ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Microsoft กล่าวในปีที่ผ่านมา ว่า AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดต้นทุนขององค์กร พร้อมทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า ด้าน Bill Duff ผู้บริหารฝ่ายการเงินของบริษัท ยังระบุเพิ่มเติมว่า Microsoft สามารถประหยัดงบได้หลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจากการนำ AI เข้ามาใช้ในการสนับสนุนงานด้านบริการลูกค้า ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการใช้บุคลากรมนุษย์
นอกจากด้านบริการลูกค้าแล้ว AI ยังถูกนำมาใช้ในหลายภารกิจภายในองค์กร เช่น การวิเคราะห์สัญญา ปัญหาด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด การเขียนเอกสารด้านการตลาด รวมถึงภาระงานทางธุรกิจอื่นๆ
ทั้งนี้ Microsoft ยังได้แจ้งต่อพนักงานว่า ในอนาคตจะมีการใช้ บริษัทภายนอกเข้ามาดูแลการขายซอฟต์แวร์ แทนทีมงานภายในมากขึ้น โดยมุ่งเป้าสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อลดภาระภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการขายในระยะยาว
การปรับโครงสร้างของ Microsoft ในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญถึงแนวโน้มที่องค์กรเทคโนโลยีระดับโลกกำลังหันมาให้ความสำคัญกับความสามารถในการแข่งขันด้าน AI และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในยุค AI First
ข้อมูล : brandinside