เวียดนามก้าวสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ตั้งเป้าติดอันดับ 20 ภายในปี 2036

เวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่กำลังถูกจับตามองในฐานะดาวรุ่งแห่งเศรษฐกิจโลก ได้รับการคาดการณ์จากรายงาน World Economic League Table 2022 โดย Center for Economic and Business Research (CEBR) ว่าจะก้าวขึ้นเป็น ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย ภายในปี 2036 พร้อมไต่อันดับขึ้นเป็น ชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 20 ของโลก ความสำเร็จนี้สะท้อนผลของการปฏิรูปเชิงโครงสร้างหลังยุค โด๋ยเหม่ย (Doi Moi) ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 แม้จะเผชิญกับความท้าทายทั้งในและนอกประเทศ แต่เวียดนามยังคงมุ่งมั่นสู่เป้าหมายระยะยาวในการเป็น ประเทศรายได้สูงภายในปี 2045 ด้วยการเติบโตอย่างยั่งยืนและการลงทุนเชิงรุกของภาครัฐ

จากประเทศที่เคยยากจนภายหลังสงคราม เวียดนามได้พิสูจน์ศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านการปฏิรูป โด๋ยเหม่ย (Doi Moi) ซึ่งเริ่มต้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 จนสามารถพลิกโฉมประเทศให้กลายเป็น ประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง ได้สำเร็จ โดยรายงานล่าสุดของ Center for Economic and Business Research (CEBR) ระบุว่าเวียดนามมีแนวโน้มจะไต่จากอันดับเศรษฐกิจโลกที่ 41 ในปี 2021 ไปสู่ อันดับที่ 20 ของโลกในปี 2036

ข้อมูล ณ ปี 2021 ชี้ว่าเวียดนามมี GDP ต่อหัว อยู่ที่ 11,608 ดอลลาร์สหรัฐ และมี เป้าหมายระยะยาวในการเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2045 ซึ่งต้องอาศัยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปีในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ไม่ได้ไร้ซึ่งอุปสรรค รายงาน East Asia and Pacific Economic Update โดย World Bank เตือนว่าอัตราการเติบโตของเวียดนามอาจ ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 5.8% ในปี 2025 ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าโลก อันมีผลกระทบโดยตรงต่อเวียดนาม ซึ่งเป็น ประเทศที่พึ่งพาการค้าสูง โดยมีมูลค่านำเข้าและส่งออกคิดเป็นเกือบ 170% ของ GDP

สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของเวียดนาม โดยคิดเป็น 30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ขณะที่ จีน เป็นประเทศนำเข้าสินค้าหลัก คิดเป็น 38% ส่งผลให้เวียดนามมีความอ่อนไหวต่อความเปลี่ยนแปลงในระบบการค้าโลก

นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว ปัจจัยภายในประเทศก็ถือเป็นความท้าทายไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในด้าน ภาคการเงิน ที่ยังมีความเปราะบาง อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้เสียของ 26 ธนาคารในเวียดนามโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 83% ซึ่งลดลงจาก 150% เมื่อปี 2022 สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน

อีกหนึ่งปัญหาคือ การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เวียดนามจะยังมีพื้นที่ทางการคลังที่สามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความต้องการในระบบเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ World Bank และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมองว่าเวียดนามจำเป็นต้องเร่งเดินหน้า นโยบายการลงทุนภาครัฐ เพื่ออุดช่องโหว่ด้าน โครงสร้างพื้นฐาน ที่เริ่มเห็นเด่นชัด และควรเร่งการปฏิรูปภาคการเงินอย่างจริงจัง รวมถึงการปรับปรุง กฎระเบียบในภาคบริการสำคัญๆ ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT), ไฟฟ้า และการขนส่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่เป็นแนวโน้มสำคัญของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป

นอกจากนี้ ยังต้องพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ อย่างต่อเนื่อง และส่งเสริม สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ให้เอื้อต่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนภาคเอกชนและการลดข้อจำกัดเชิงระบบที่ขัดขวางการลงทุน

แม้จะมีความท้าทายหลายด้าน แต่แนวโน้มของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเป็นบวก โดย World Bank คาดการณ์ว่า GDP ของเวียดนามจะกลับมาเติบโตที่ 6.1% ในปี 2026 และเพิ่มขึ้นเป็น 6.4% ในปี 2027 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเวียดนามในการเดินหน้าอย่างมั่นคงบนเวทีเศรษฐกิจโลก

ข้อมูล :thestandard