บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2568 ทำรายได้รวม 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ กำไรสุทธิพุ่งแตะ 7,585 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 20% โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วงต้นปี อาทิ Easy E-Receipt และโครงการเงินโอนเฟสสอง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายจากกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และธุรกิจค้าปลีกในเครือเติบโตแข็งแกร่ง โดยยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) เพื่อเพิ่มรายได้จากช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
CPALL โชว์รายได้-กำไรไตรมาสแรกโตแข็งแกร่ง รับแรงหนุนมาตรการรัฐ
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยตัวเลขรายได้รวม 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% โดยได้แรงส่งจากหลายปัจจัยเชิงบวก ทั้งด้านนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ ความคึกคักของการท่องเที่ยว และการขยายตัวของยอดขายในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก
รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้รับประโยชน์จากภาวะการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะจากมาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนจากภาครัฐที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับประชาชนในช่วงต้นปี ขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวในประเทศยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
ธุรกิจ 7-Eleven รายได้โต 7.7% กำไรขยับขึ้น 3%
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ยังคงเป็นหัวใจหลักในการสร้างรายได้ โดยในไตรมาสแรกมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 113,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% โดยยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันอยู่ที่ 84,663 บาท ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาเฉลี่ยอยู่ที่ 963 คนต่อวัน และมียอดซื้อต่อบิลเฉลี่ยอยู่ที่ 88 บาท
ไตรมาสนี้มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น 185 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส CPALL มีร้าน 7-Eleven ทั้งหมด 15,430 สาขา ทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น ร้านสาขาบริษัท 7,868 สาขา (ประมาณ 51%) และ ร้าน SBP กับร้านสิทธิช่วงอาณาเขต 7,562 สาขา (ประมาณ 49%) โดยสาขาส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ stand-alone ประมาณ 86% และส่วนที่เหลืออยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.
การเติบโตของยอดขายสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยกลยุทธ์นำเสนอสินค้าใหม่และโปรโมชั่นในช่วงเวลาสำคัญ พร้อมทั้งเดินหน้าขยายช่องทาง O2O อย่าง 7Delivery และ All Online ซึ่งคิดเป็นประมาณ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม
สินค้ากลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม ยังครองรายได้หลัก
ในไตรมาสแรกปี 2568 สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก คิดเป็น 76.1% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ขณะที่สินค้าอุปโภคมีสัดส่วนอยู่ที่ 23.9% โดยสัดส่วนของสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ 7-Eleven ที่ต้องการเป็น “จุดหมายอันดับหนึ่งเมื่อลูกค้านึกถึงอาหารและเครื่องดื่ม”
นอกจากนี้ รายได้อื่นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 419 ล้านบาท หรือ 6.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการใช้ประโยชน์พื้นที่ เช่น การให้เช่าพื้นที่และบริการต่าง ๆ รวมถึงการบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยมูลค่า 1,220 ล้านบาท
ขยายสาขาในอาเซียน พร้อมทุ่มลงทุนเพิ่ม
ในระดับภูมิภาค CPALL ยังขยายธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศเพื่อนบ้าน โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มี 116 สาขาในกัมพูชา และ 15 สาขาใน สปป.ลาว ขณะเดียวกัน บริษัทยังวางแผนใช้งบลงทุนราว 12,000 – 13,600 ล้านบาท ในปี 2568 สำหรับการเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มเติมในประเทศกัมพูชาและลาว เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
ข้อมูล : brandbuffet